โจรใจเย็นบุกเดี่ยว ขี่รถจักรยานยนต์มาสะเดาะกุญแจห้องเช่าเข้าไปลักทรัพย์ทีวี ขนาด 48 นิ้ว มัดเข้ากับท้ายรถจักรยานยนต์ก่อนจะขี่หลบหนีไป เหตุเกิดที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งภายในซอย เรวัต 11 ถนนเทพารักษ์ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
กล้องวงจรปิดจับภาพชายขี่รถจักรยานยนต์บุกเดี่ยวงัดห้องเช่ากลางวันแสก ๆ ไม่สนผู้พักอาศัยห้องข้าง ๆ ใช้ผ้าห่มคลุมทีวี 48 นิ้วแบกขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีอย่างใจเย็น ผู้เสียหายเชื่อคนร้ายมืออาชีพ ขนาดห้องล็อกห้อง 2 ชั้นยังไม่รอด แต่วงจรปิดจับภาพได้ คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมชุดสีดำ ใส่หมวกกันน็อกสีดำใส่แมสปิดบังใบหน้า ขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงสีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน จอดรถบริเวณหน้าห้องเช่าแห่งหนึ่งภายในซอย เรวัต 11 ถนนเทพารักษ์ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนที่คนร้ายจะเดินหายเข้าไปในห้องเช่า นานเกือบ 20 นาที ก่อนที่คนร้ายเดินแบกทีวีขนาด 48 นิ้วออกมาโดยใช้ผ้าห่มสีเหลืองคลุมก่อนวางบนเบาะรถจักรยานยนต์ใช้เชือกผูกกันตกอย่างใจเย็นไม่สนใจชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา ก่อนที่จะขี่รถหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายเวลาตามกล้องวงจรปิด 15.18 น.ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
น.ส. ธิดาพร วังใน อายุ 28 ปี ผู้เสียหาย ได้เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 หลังจากที่ตนเลิกงานได้เดินทางกลับมาที่ห้องพัก ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าประตูเปิดอ้าอยู่ ตอนแรกคิดว่าแฟนกลับมาและเปิดประตูทิ้งไว้ จึงหันไปดูตรงที่จอดรถแต่ไม่พบรถของแฟน จึงเดินเข้าไปดูในห้อง พบห้องถูกรื้อค้น กระปุกออมสินใบใหญ่ที่อยู่บนตู้เย็นถูกเคลื่อนย้ายลงมาไว้บนพื้นและพบทีวีแบบจอโค้งขนาด 48 นิ้ว ที่วางอยู่บนชั้นได้หายไปพร้อมรีโมท จึงเดินออกมาสอบถามห้องข้าง ๆว่าได้ยินเสียงอะไรผิดปกติหรือไม่ เพราะทีวีของตนหายไป เพื่อนข้างห้องบอกว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเพราะนอนหลับและเปิดเพลงเสียงดัง ตนจึงไปแจ้งเจ้าของห้องเช่า ก่อนที่จะเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นมืออาชีพ เพราะตนล๊อกประตูห้องถึง 2 ชั้น ทั้งลูกบิดและล็อกด้วยแม่กุญแจ คนร้ายยังสามารถงัดเข้าไปโดยไม่มีร่องรอยการงัดแงะแต่อย่างใดแถมยังย่ามใจก่อเหตุกลางวันแสก ๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หลังจากนั้นตนได้นำภาพกล้องวงจรปิดเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ชาวบ้านได้ระวังตัวกันให้มากขึ้นเนื่องจากในช่วงนี้มีเหตุแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยไว้จะได้ไม่ก่อเหตุที่อื่นอีก
