คืบหน้า กรณีสองมือปืนยิงกราดถล่มบ้านมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายภายในหมู่บ้านปิติวิลล่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งแกะรอยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จากกล้องวงจรปิด
อ่านข่าว อุกอาจสองมือปืนบุกกราดยิงถล่มบ้านคู่อริกลางชุมชนมีผู้บาดเจ็บ 4 ราย
จากเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางดึกคืนวานนี้ที่ 4 มีนาคม 2565 ได้มีสองมือปืนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดข้างบ้านก่อนที่จะลงมาใช้ปืนกระหน่ำยิงกราดเข้าไปในบ้านเลขที่ 394/291 หมู่ 2 หมู่บ้านปิติวิลล่า ซอย 4 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ซึ่งพฤติกรรมของสองมือปืนที่ลงมาก่อเหตุกล้องวงจรปิดบ้านที่อยู่ติดกันสามารถบันทึกพฤติกรรมเอาไว้ได้ โดยเฉพาะการแต่งกาย ขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงออโตเมติก หลังก่อเหตุได้พากันขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องระหว่างสถาบัน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าในวันนี้ที่ 5 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อติดตามความคืบหน้า ได้พบเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังคงเดินหน้าสืบสวนหาหลักฐานและพยานต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุและในละแวกใกล้เคียง รวมทั้งรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุและเส้นทางที่สองมือปืนใช้ในการหลบหนีเพื่อเป็นแนวทางในการติดตามจับกุมมือปืนทั้งสอง แต่พบว่ากล้องวงจรปิดของชาวบ้านที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งมีอยู่หลายจุดที่บันทึกภาพเอาไว้ได้แต่เป็นภาพที่ค่อนข้างมืดและขยายดูรายละเอียดไม่ได้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งประสานของภาพกล้องวงจรปิดของทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ และจากการสอบถามพยานในละแวกที่เกิดเหตุและตามเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้ในการหลบหนีพอทราบว่าผู้ก่อเหตุมุ่งออกซอยมังกรนาคดี มุ่งหน้าออกไปทางถนนเทพารักษ์
ขณะที่ นางณัฐธรตี มาตีบ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นแม่ของนายภควัต บุญสุดทอง เพื่อนของผู้บาดเจ็บ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนออกไปนั่งเล่นอยู่บ้านเพื่อนอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันไม่ถึง 10 นาที ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งออกมาดูที่หน้าบ้าน พบกลุ่มเพื่อนของลูกชายถูกยิงเลือดนองเต็มพื้น ปกติเพื่อนของลูกชาย กลุ่มนี้จะมานั่งเล่นเกมส์ที่บ้านเกือบทุกวัน โดยมาตั้งแต่ช่วงหัวคำ จนตีหนึ่ง จึงพากันเดินทางกลับ ซึ่งตนก็บอกอยู่เสมอว่าอย่าเสียงดังไปรบกวนคนอื่นเกรงใจเพื่อนบ้าน และขอให้ระวังตัวเนื่องจากก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ส่วนประเด็นที่กลุ่มเพื่อนลูกชายถูกยิงนั้นตนก็ยังไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุอะไร เพราะลูกชายก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า ส่วนที่จะเกี่ยวโยงกับสถาบันหรือไม่นั้นตนก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะระยะ 2-3 ปีมานี้ลูกชายตนก็เรียนทางออนไลน์ และก็ไปทำงาน
นายภควัต บุญสุดทอง อายุ 24 ปี ได้เล่าว่า เมื่อวานหลังเลิกงานตนและพรรคพวกก็พากันมานั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่ในบ้าน และก็มีเพื่อนที่อยู่ท้ายซอยได้โทรมาบอกว่าเห็นมีชายสองคนขี่รถจักรยานยนต์เข้ามามีท่าทางแปลกและไม่เคยเห็นเข้ามาในซอยบ้านตนจึงรีบออกมาดู ซึ่งก็เป็นจังหวะที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนกำลังจอดรถและลงมาและใช้ปืนยิงใส่ตนก่อน 1 นัดแต่ไม่โดน ตนจึงวิ่งเข้ามาในบ้านและยังไม่ทันจะบอกเพื่อนพวกนั้นก็กระหน่ำยิงเข้ามาในบ้านอีกประมาณ 6 นัด ซึ่งที่เห็นทั้งสองคนมีปืนคนละกระบอก ซึ่งตอนนั้นตนก็วิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังเสา แต่เพื่อน ๆ หนีกันไม่ทันจึงถูกยิงจนบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุตนก็ยังไม่ทราบเช่นกันเพราะไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร ก็ทำงานปกติเลิกงานมากลับมาที่บ้าน ส่วนที่ว่าน่าจะเกี่ยวพันธ์กับเรื่องสถาบันหรือไม่นั้นก็เป็นไปได้แต่ก็ไม่ยืนยัน เพราะผู้ก่อเหตุทั้งสองใส่เสื้อผ้ามาในชุดดำทั้งสองคนใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำและรถจักรยานยนต์ที่ใช่ก็สีดำ แต่จำทะเบียนไม่ได้ เพราะพอผู้ก่อเหตุทั้งสองลงมาจากรถพอเห็นหน้าตนก็ยิงใส่ตนเลย
พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้สั่งการณ์ให้ พ.ต.ท.อำนาจ ราชสี รอง ผกก.สส. นำทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เร่งเกะรอยของผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดซึ่งยังพบอุปสักหลายอย่าง กล้องที่บันทึกภาพคนร้ายได้แต่ก็มืดเกินไปไม่สามารถขยายดูรายละเอียดได้ ส่วนกล้องวงจรปิดของทางเทศบาลที่ติดตั้งอยู่ตามเส้นทางอยู่ระหว่างประสานของดูกล้องวงจรปิด เพื่อไล่เส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี และขณะนี้พอมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้ในการหลบหนีบ้างแล้ว พบว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกทางซอยมังกรนาคดีมุ่งหน้าที่ทางถนนเทพารักษ์ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขณะเดียวกันทางด้านพนักงานสอบสวนได้เข้าสอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้ง 4 คนแล้วซึ่ง ทั้งหมดต่างให้การว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร ในส่วนประเด็นและสาเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้งได้ ทั้งเรื่องสถาบันและเรื่องปัญหาส่วนตัวรวมถึงที่ทำงาน คงต้องสอบสวนต่อไป ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้งหมดขณะนี้อาการปลอดภัย แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว 2 คน ยังเหลืออีก 2 คนที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
