รวบสาวใหญ่ขโมยหมวกกันน็อกลานจอดหน้าโรงพักสุวรรณภูมิ ก่อนจะนำหมวกกันน็อกดังกล่าว ซุกซ่อนที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของตนเอง ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้เคียงหน้าสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 1 สามารถจับภาพพฤติกรรมไว้ได้
ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้เคียงหน้าสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 1 สามารถจับภาพพฤติกรรมของหญิงรายหนึ่งสวมเสื้อสีแดง สวมหมวกกันน็อกสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดที่จอดรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นอาศัยจังหวะปลอดคน หญิงคนดังกล่าวแอบขโมยหมวกกันน็อกของผู้เสียหาย ที่จอดรถไว้บริเวณดังกล่าวไป ก่อนจะนำหมวกกันน็อกดังกล่าว ซุกซ่อนที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของตนเอง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 มีนาคม 2565 หลังเกิดเหตุไม่นานผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานทำงานในสนามบินกลับมาที่รถปรากฏว่าไม่เจอหมวกกันน็อกของตนเอง จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และ ติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากได้รับแจ้งจึงประสานไปยังผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้
ข่าวน่าสนใจ:
- ผอ.ชลประทานที่ 17 นำ 'พ่อเมืองนราฯ' ตรวจความพร้อมรับมืออุทกภัย
- พะเยา ฮือฮา! สาวหล่อผอ.รร.ยกขันหมากเงินล้านจาก จ.ลำพูนขอครูสาวดอกคำใต้ คู่แรก จ.พะเยา
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงสั่งการให้ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ ทอท. บูรณาการกับฝ่ายสืบสวนของ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และชุดเพาะกิจการท่า ตรวจสอบภาพวงจรปิดและหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ จนกระทั่งกล้องวงจรปิดไปพบว่าหญิงคนดังกล่าวหลังก่อเหตุได้เดินเข้าอาคารผู้โดยสารและขึ้นมาที่ชั้น 4 จึงสะกดลอยตาม โดยพบว่าหญิงคนดังกล่าทำเนียนคล้ายกับเป็นผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการภายในสนามบิน มีการเดินวนดูตามจุดชาร์ทโทรศัพท์ของผู้โดยสาร ซึ่งคาดว่าเตรียมจะก่อเหตุซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงเร่งประสานผู้เสียหายตรวจสอบภาพวงจรปิดยืนยันชี้ตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ ซึ่งผู้เสียหายชี้ยืนยันตามภาพวงจรปิด ระหว่างนั้นหญิงคนดังกล่าวเดินกลับมาที่รถจักรยานยนต์เตรียมขับรถออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัว ซึ่งเจ้าตัวยังทำเนียนทำทีไม่ทราบเรื่อง และ อ้างว่าตนเองมารับน้องที่สนามบิน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าตนเองตกเป็นผู้ต้องหาลักขโมยหมวกกันน็อกไป และขอตรวจค้นพบของกลางถูกซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน หรือ รับของโจร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร เปิดเผยกับนักข่าวผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ มีการเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยและดูแลทรัพย์สินให้กับผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิดซึ่งจะมีผู้โดยสารใช้บริการภายในสนามบินค่อนข้างน้อย จึงเป็นโอกาสให้มิจฉาชีพและคนร้ายเลือกเข้ามาก่อเหตุเพราะไม่มีคนพลุกพล่าน อีกทั้งปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างเช่นกล้องวงจรปิดที่สามารถคอนโทรลติดตามตัวผู้ต้องสงสัยในจุดสำคัญตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการไล่ล่าตัวคนร้ายเมื่อเกิดเหตุ เคสนี้ก็เช่นกันจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถติดตามคนร้ายมาได้ จึงฝากประชาสัมพันธ์ผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากประสบเหตุการณ์ใด ๆ ขอให้ท่านรีบแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใกล้ตัวท่าน เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันเรามีชุดเฉพาะกิจพิเศษที่จะเฝ้าคอนโทรลกล้องวงจรปิดและตระเวนตรวจตราภายในอาคารผู้โดยสารและพื้นที่รับผิดชอบภายในสนามบินสุวรรณภูมิ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: