นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมาพร้อมกับผู้เสียหาย เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหา 3 คน ที่ก่อเหตุอุ้มไปซ้อมจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเพราะปิดบัญชีม้า ที่เปิดให้กับเว็บพนันออนไลน์ไปใช้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังคงหลบหนีอยู่
จากกรณี นายอนุวัฒน์ แสงพายุ อายุ 31 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับ เพจสายไหมต้องรอด หลังจากตนเองถูกชายฉกรรจ์ 5 คนใช้ผ้าดำปิดตาเคเบิ้ลมัดมือ ก่อนถูกอุ้มขึ้นรถ ขณะที่ตนเองกำลังเดินอยู่ริมถนนเทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนที่คนร้ายจะพาตนไปทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดจากที่ตนเองเปิดบัญชีให้กับเว็บพนันและไปปิดบัญชีไป เพราะกลัวถูกดำเนินคดี ขณะเจ้าของเว็บยังข่มขู่ว่ารู้จักนายตำรวจระดับสูง จนตนเองหวั่นว่าจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากยังไม่สามารถจับผู้ต้องหาได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
- ตร.ตรังเข้ม ปราบอาชญากรรม จับอาวุธปืน-รถซิ่ง-ท่อแต่ง ของกลางเพียบ ผู้การตรังลงมือขับแบ็คโฮนำทำลายด้วยตัวเอง
- ตรัง อึ้ง!! เด็ก-เยาวชนหลุดออกนอกระบบการศึกษากว่า 6 พันคน ศึกษาธิการตรังสั่งรวบรวม-วิเคราะห์ข้อมูล รับนโยบาย Thailand zero dropout
- บพท.ร่วม มรภ.ชัยภูมิ ส่งเสริมงานวิจัยต่อยอดบันทึกประวัติศาสตร์เมืองชัยภูมิรอบ 198 ปี!
- ตรัง ทดลองล้อมคอกหญ้าทะเล เร่งหาทางออกฟื้นฟูหญ้าทะเล ภาระกิจด่วนทำแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่กับความอยู่รอดของพะยูน
พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว หลังได้รับแจ้งความได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่แกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ใช้หลบหนี นานนับเดือน กระทั่งได้เบาะแสภาพวงจรปิดซึ่งเป็นภาพรถของผู้ต้องหาและผู้เสียหายขับผ่านย่านถนนเทพารักษ์ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญ ต่อมา วันที่ 4 เมษายน ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จึงรวบรวมหลักฐานขอ อำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ ทั้ง 5 คน ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ , ร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ โดยกระทำความผิดกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส และ ร่วมกันทวงถามหนี้อันมีลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้อื่น กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมทนาย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ แต่ยังให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังหลบหนีอยู่
ล่าสุดต่อมา เวลา 13.30 น.วันที่ 5 เมษายนต์ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดพร้อมด้วย ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่ สภ.สำโรงเหนือ เข้าพบ พ.ต.ท.สุทิน พุ่มพวง สารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เจ้าของคดี เพื่อนำผู้เสียหายชี้ตัวสามผู้ต้องหา ซึ่งการชี้ตัวในครั้งนี้ผู้เสียหายสามารถชี้ได้ถูกต้อง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่ตำรวจจะรีบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน ประกอบด้วย นายสุรนันท์ อุดมสรรพเจริญ อายุ 35 ปี , นายสำรวย เริงสำราญ อายุ 35 ปี และนายจตุพงษ์ กาลวัน อายุ 27 ปี ขึ้นรถไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาทั้งสามคนมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ
ขณะที่นายอนุวัฒน์ ผู้เสียหาย ยืนยันว่า จำผู้ต้องหาได้ เนื่องจากในช่วงที่อุ้มไปผู้ต้องหาเปิดผ้าปิดตาออก แต่ไม่ได้มีการพูดคุยใด ๆ ทั้งนี้ตนเองยืนยันว่าไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งหมดมาก่อน สาเหตุที่มาอุ้มน่าจะมาจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ สั่งให้มาอุ้มจากเหตุที่ตนไปปิดบัญชีเว็บพนัน ทั้งนี้ตนอยากฝากให้ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเข้ามามอบตัว เพื่อให้เรื่องจบ ตนเองไม่ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นตำรวจ หรือ ทหาร แต่ทรงผมคล้าย แต่หนึ่งในนั้นบอกตนว่าเป็น รปภ. อย่างไรก็ตามตนเองก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเนื่องจากผู้ต้องหายังถูกจับไม่หมด จึงวอนให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ให้เร็วที่สุดด้วย
ผู้เสียหายบอกอีกว่า ตนรับเปิดบัญชีม้าให้เว็บพนัน ในเดือน กรกฎาคม ปี 2564 โดยมีการตกลงกันว่าจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ทุกเดือน แต่หลัง ๆ มาตนเริ่มเห็นข่าวการปราบปรามพวกบัญชีม้า ทำให้เกิดความกลัว ไม่อยากโดนดำเนินคดี ช่วงกลางเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จึงเริ่มติดต่อเจ้าของเว็บเพื่อขอยุติ แต่ทางเจ้าของเว็บไม่ยอม มีการข่มขู่ว่าหากปิดบัญชีจะทำการอุ้มฆ่า แต่ด้วยความกลัวที่จะถูกตำรวจจับจึงตัดสินไปปิดบัญชีที่ธนาคารทันที เมื่อปิดบัญชีพบว่ามีเงินในบัญชีประมาณ 170,000 บาท จึงตัดสินใจปิดและหักเงินเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ ตามที่เจ้าของเว็บอ้างว่าจะให้เป็นค่าตอบแทน บัญชีละ 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 8 หมื่นบาท ก่อนจะโอนกลับไปให้เจ้าของเว็บประมาณ 9 หมื่นบาท จึงทำให้ทางเจ้าของไม่พอใจ
ขณะที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เราต้องมีความเชื่อมั่นกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เนื่องจากขณะนี้อนุมัติหมายจับได้ถึง 5 คนแล้ว และสามารถจับมาได้ถึงสามคนแล้ว เชื่อว่า ที่เหลือจะไม่เกินความสามรถของฝ่ายสืบสวน อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดเหตุการณ์อุ้มกลางเมืองขนาดนี้แต่ไม่สามารถสาวไปถึงผู้สั่งการได้ แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมของเราอาจจะต้องมีปัญหา สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งการอุ้มคนแบบนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: