เปิดภาพจากกล้องวงจรปิด โจ๋พระประแดงกว่า 20 คน อาวุธครบมือ ยกพวกถล่ม 5 วัยรุ่น กลางถนน ล่าสุดอาการคนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้ว
อ่านข่าว โจ๋กว่า 20 คน อาวุธครบมือ ไล่ทำร้าย 5 วัยรุ่น กลางดึก มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
จากกรณี มีเหตุกลุ่มวัยรุ่นย่านอำเภอพระประแดงพร้อมอาวุธครบมือ ทั้งมีด ปืน และ ระเบิดปิงปอง เปิดศึกยกพวกตีกันกลางถนนสุขสวัสดิ์ ช่วงบริเวณหน้าปากซอยกลับเจริญ (สุขสวัสดิ์ 76) อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี มีบาดแผลโดนของมีคมตามร่างกาย และ คล้ายถูกกระสุนปืนเข้าที่ขาอีก 1 รู เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 6 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ วันที่ 6 เมษายน 2565 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.พระประแดง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ และ บริเวณใกล้เคียง พบว่ามีกล้องวงจรปิดจับภาพนาทีที่กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม เปิดศึกกันกลางถนนไว้ได้ โดยอีกฝ่ายขี่ และ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาเกือบ 10 คัน ก่อนที่จะมีการจอดรถบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนจะปาระเบิดปิงปอง 2-3 ลูก แล้วทั้งหมดจะวิ่งเข้าหากลุ่มผู้บาดเจ็บพร้อมอาวุธมีดที่เตรียมมา ก่อนที่ทั้งหมดจะสลายตัวไป แล้วมาพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบกองเลือดและคราบเลือดเป็นทางยาวกว่า 300 เมตร จากการสอบถามวินรถจักรยานยนต์บริเวณดังกล่าว พบว่าในละแวกดังกล่าวมักจะเกิดเหตุวัยรุ่นยกพวกไล่ทำร้ายกันบ่อยครั้ง ซึ่งจากหลาย ๆ เหตุการณ์ทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่กวดขัน และเพิ่มมาตรการป้องกันปราบปรามให้มากกว่านี้
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เชิญ นายสุรชัย กลิ่นหอม อายุ 45 ปี และนางบุษบา กลิ่นหอม อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ นายคิม (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส มาให้ปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.พรประแดง โดย นางบุษบา แม่ของคนเจ็บ เล่าว่า เมื่อคืนก่อนเกิดเหตุลูกชายได้หนีออกจากบ้านทางหน้าต่าง โดยมีเพื่อนมารอรับ เนื่องจากปกติแล้วหากลูกชายจะออกไปข้างนอกจะใส่กางเกงขายาว แต่เมื่อคืนนี้ออกไปโดยใส่กางเกงขาสั้น (บ๊อกเซอร์) โดยมีเพื่อน ๆ บอกว่าจะพากันออกไปซื้อของทานกันที่บริเวณปากซอย
หลังจากออกไปได้ไม่นาน เพื่อนของลูกชายก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบอกว่าลูกชายโดนทำร้ายที่ปากซอย ตนและสามีจึงได้พากันออกไปดู ก็พบว่า ทางกู้ชีพกำลังปฐมพยาบาล และนำตัวลูกชายไปส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งเช้า แม่ได้ไปที่โรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการแต่ไม่สามารถเข้าได้เนื่องจากเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด จึงได้สอบถามอาการกับทางพยาบาล ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องนอนรักษาตัว และรอผ่าตัดที่บริเวณนิ้วมือ ที่ถูกฟัน และที่น่องขาด้านขวา มีลอยกระสุนปืนเข้าและทะลุออก โดยกระสุนไม่ได้ฝัง ส่วนในเรื่องคดี อยากให้ตำรวจเรียกเพื่อนของลูกชายที่ไปด้วยกันมาสอบ ทั้งนี้จริงก็ต้องอยู่ที่กลุ่มเพื่อนของคนเจ็บ ถ้าเกิดแม่ถามคนเจ็บก็คงไม่ยอมบอก เพราะคนเจ็บเป็นประเภทรักน้องรักเพื่อน
