เกิดเหตุไฟไหม้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พลเมืองดีขับรถผ่านมาเห็นหิ้วถังดับเพลิงเข้าช่วยระงับเหตุ แต่ถูกยางระเบิดใส่ โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ขาออก หลักกิโลเมตรที่ 23 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 19 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ขาออก หลักกิโลเมตรที่ 23 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิง อบต.บางเสาธง และเทศบาลบางเสาธง จำนวน 2 คัน เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุในเลนซ้ายช่องทางด่วน พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ ฮิโน่ สีขาว ทะเบียน หัวลาก 82-0285 ระยอง หางพ่วง 82-1368 ระยอง ท้ายพ่วงบรรทุกเหล็กขนาดใหญ่ พบเพลิงกำลังลุกไหม้ที่ล้อหลังฝั่งซ้าย โดยมีพลเมืองดี กำลังใช้ถังเคมีดับเพลิงยืนฉีดอยู่ท้ายรถพ่วง ระหว่างนั้นยางได้เกิดระเบิด โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นไม่นานรถดับเพลิงก็มาถึง เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำอยู่ไม่นานเพลิงจึงสงบ
จากการสอบถาม สุทัศน์ เบ้านอก คนขับรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าว เล่าว่า ตนเองขับรถบรรทุกคันนี้มาจากบางนา กม.4 กำลังมุ่งหน้าไปจังหวัดระยอง พอมาถึงที่เกิดเหตุปรากฏว่ายางหลังฝั่งซ้ายของตัวพ่วงเกิดระเบิด ตนเองจึงชะลอรถเข้าจอดข้างทางและยังไม่ทันจอดสนิทพบว่าเริ่มมีไฟลุกไหม้ขึ้นที่ล้อรถแล้ว ตนพยายามเข้าใช้ถังเคมีดับเพลิงดับแต่ไม่เป็นผล ก่อนที่เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนสาเหตุตนคาดมาน่าจะเกิดจากเบรก
ด้าน นายสถาพร รัสมีแจ่ม พลเมืองดีรายดังกล่าว เล่าว่า ตนเองขับรถผ่านทางมาเจอเหตุพอดีจึงตัดสินใจนำถังดับเพลิงที่ติดมาในรถเข้ามาช่วยฉีดสกัดเพลิงหวังลดความรุนแรงของแสงเพลิง แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกยางรถระเบิดใส่พอดี โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แค่ถูกแรงอัดจากยางระเบิดและเศษขี้เถ้าฟุ้งกระจายใส่ลำตัวเท่านั้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฝากเตือนพลเมืองดีหากไม่มีความชำนาญและประเมินสถานการณ์ไม่ได้ควรเลี่ยงที่จะเข้าใกล้ฐานไฟหรือจุดเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิด ไม่ว่าจะเป็นยางรถหรือแม้แต่ถังเชื้อเพลิง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเกิดจากระบบเบรกรถที่ทำงานผิดปกติ หรืออาจจะเกิดจากมันเบรกที่รั่วไหลลงไปที่จานเบรก ก่อนจะเกิดการเสียดสีทำให้เกิดไฟไหม้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
