นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายวัย 15 ปี ถูกข่มขืนร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี หลังปล่อยตัวผู้ต้องหาออกมาข่มขืนซ้ำรอบสอง แถมข่มขู่กับญาติผู้เสียหายอ้างว่าจ่ายเงินให้ตำรวจเลยถูกปล่อยตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวผู้ต้องหามาเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก ญาติของเหยื่อ ได้เข้ารุมประชาทัฒฑ์ ผู้ต้องหาจนต้องรีบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นโรงพัก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่ สภ.บางพลี สมุทรปราการ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง คณะทำงานและติดตามผลงาน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พระเยา เขต 1 พาครอบครัวผู้เสียหายในคดีข่มขืนเด็กหญิงวัย 15 ปี เข้าพบกับ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เพื่อทวงถามความคืบหน้าทางคดีและกระแสข่าวที่ผู้ต้องหาออกมากล่าวอ้างประเด็นการจ่ายเงินกับร้อยเวรจนทำให้ได้รับการประกันตัวออกมา แล้วมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง
ข่าวน่าสนใจ:
- สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานผ้าพระกฐินทอดถวาย ณ วัดเขาไกรลาศ หัวหิน
- สุดยิ่งใหญ่ชาวชัยภูมิทำพิธีประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่สุดรอบ 198 ปีตั้งแต่ตั้งเมืองชัยภูมิมา!
- คอหวยแห้ว เลขหางประทัดขบวนเรือหลวงพ่อโสธรไม่ปรากฏให้เสี่ยงทาย
- งานช้าง หนุ่มทับปุดขี่ช้างแห่ขันหมาก 10 เชือกไปขอเมีย พ่อยกช้างให้เป็นของขวัญ 1 เชือก
กัน จอมพลัง ได้เผยว่า ในคดีนี้มันเป็นคดีที่มีความสำคัญในประเทศไทยคือข่มขืนเด็กหญิงอายุ 15 ปี น้องเขาเป็นผู้เยาว์ และมีการถ่ายคลิปแบล็คเมล์น้องด้วย มีการส่งมีข่มขู่น้องในครั้งแรกหลังจากที่ข่มขืนเสร็จแล้ว ทางตำรวจได้ไปควบคุมตัวได้แล้วตอนนี้ออกมามีคำพูดที่สะเทือนใจ คือมีการบอกว่าเขามีการจ่ายใต้โต๊ะให้กับตำรวจไปแล้วน่าสงสารจังเลย มีคำพูดลักษณ์คล้ายเยาะเย้ยเหยื่อ แถมไม่เข็ดหลาบเมื่อคืนนี้ยังมาข่มขืนน้องอีก และมีการตั้งกล้างวงจรปิดในห้องบันทึกภาพเอาไว้ด้วย วันนี้ตนจึงได้พาผู้เสียหายมาสอบถามความคืบหน้าของคดี โดยการขึ้นไปสอบถามผู้กำกับ เกี่ยวกับผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วแต่กลับถูกปล่อยออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งทางท่านผู้กำกับ ได้บอกว่าได้มีการจับกุมไปแล้วครั้งหนึ่งและส่งฟ้องไปแล้ว แต่ทางอัยการเห็นว่าสมควรที่จะตั้งข้อหาเพิ่มก็เลยปล่อยตัวออกมาชั่วคราว แต่ก็มีก่อเหตุอีก ซึ่งทางท่านผู้กำกับได้จัดกำลังติดตามไปคุมตัวมาทำการสอบสวนภายในวันนี้
ขณะที่นางยา (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ผู้เป็นย่าของผู้เสียหาย ได้กล่าวว่า โดยส่วนตัวก็ไม่เคยรู้จักผู้ก่อเหตุมาก่อน มีแต่หลานสาวที่เป็นผู้เสียหายเอาแชท ที่มีการคุยกันมาให้ดูว่าทางผู้ก่อเหตุได้มีการข่มขู่ว่าจะเข้ามาหาตนและครอบครัวที่บ้าน ซึ่งอยากจะบอกถึงกระบวนการของกฎหมายคนแบบนี้ควรได้รับโทษถึง ตาย สถานเดียว ประหารชีวิต เพราะมันเลวซ้ำซากมันก็แก่แล้วนะอายุเกือบ 40 แล้ว
ด้านนายนา (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ผู้เป็นพ่อ ได้กล่าวว่า หลังจากที่ในครั้งแรกตนทราบเรื่องด้วยความโมโห จึงได้วางแผนให้ลูกสาวติดต่อกับผู้ก่อเหตุเพื่อหลอกให้ผู้ก่อเหตุออกมาจากบ้าน โดยที่ตนได้พาพวกไปอีกหลายคนไปดักรอโดยไม่ใช้กระบวนการของกฎหมายยอมรับว่าโมโหจริง ๆ แต่พลาดในขณะที่พวกตนกรูเข้าไปจะไปจับตัว แต่ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนี้เข้าไปหลบในบ้านและปีนหน้าต่างหลังบ้านหลบหนีไป หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ทักแชทมาทางลูกสาวตนว่า บอกพ่อด้วยนะให้พาพวกมาเยอะกว่านี้อีกเพราะเตรียมโต๊ะจีนรอไว้หมดแล้ว และเมื่อคืนพวกตนที่ทำงานอาสาก็มีกันจำนวนมากเพื่อจะมาตามล่า แต่ก็มีรุ่นพี่ได้มาเตือนสติเอาไว้ให้เป็นเรื่องของกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ ทุกคนจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ ในส่วนเรื่องใต้โต๊ะที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่ายัดเงินให้ตำรวจ โดยส่วนตัวในเรื่องนี้ตนมีความเชื้อแค่ 50 – 50 เท่านั้น
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำกำลังเดินทางไปเชิญตัวนายกิตติ แจ่มระทึก ผู้ก่อเหตุ มาจากบ้านพัก เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมและแจ้งข้อกล่าว โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังคุมมาถึงหน้าโรงพักจู่ ๆ ญาติและพ่อของผู้เสียหายได้ฝ่าวงลอมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารุมประชาทัณฑ์จนเกิดการชุลมุนอยู่พักใหญ่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นไปบนโรงพักได้ ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยนายกิตติ ผู้ก่อเหตุ ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ในประเด็นที่ตนกล่าวอ้างว่าได้มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีการจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด แค่พูดเล่นกับผู้เสียหายแค่นั้น เนื่องจากตนรู้สึกรำคาญผู้เสียที่จะชอบโทรศัพท์มาขอยืมเงิน ครั้งละ 200-300 บาท เป็นประจำ เขาทำเหมือนขายบริการ เพราะรอบแรกซื้อเขาในราคา 1,500 บาท โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ของผู้เสียหาย ชื่อปอและปิ่น หลักฐานการแชทตนอยู่ทั้งหมด ส่วนเหตุการณ์ครั้งล่าสุด เมื่อวาน ผู้เสียหายได้โทรศัพท์ให้ตนไปรับโดยบอกว่าจะไปไหนก็ได้ ซึ่งตอนแรกเขาบอกว่าจะให้ไปบังกะโลแถวราษฎร์บูรณะ ตนจึงบอกว่าไปตรงนี้ก็ได้แถวบางพลี ในส่วนกล้องวงจรปิดในห้องนั้น อันนั้นเป็นรอบแรกตนก็ต้องเซฟตัวเองไว้ก่อนและตนก็ติดเอาไว้ก่อนนานแล้ว ส่วนที่ตนต้องส่งภาพเหล่านั้นให้น้องเนื่องจาก น้องชอบโทรมาขอยืมเงิน ตนไม่ให้น้องก็จะขู่ตน ส่วนรอบแรกที่ตนถูกปล่อยตัวออกมาเนื่องจากตนประกันตัวออกมาและขอสู้คดี ส่วนอ้างว่าให้เงินตำรวจนั้นอันนั้นไม่ใช่เรื่องจริง แต่ตนแค่ขู่เล่นเฉย ๆ
ด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คดีนี้ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุม ตามหมายจับของ สภ.บางพลี แล้ว ในคดีข้อหาพรากผู้เยาว์ และอนาจาร เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง ณ ตอนนั้น ทางพนักงานอัยการก็ได้มีการคืนสำนวนมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เนื่องจากมาทราบในภายหลังว่า ผู้ต้องหามีการถ่ายคลิป และได้มีการโพสต์ลงสื่อโซเชียล จึงได้มีการคืนสำนวนมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ทำให้ตัวของผู้ต้องหาที่มีการส่งไปให้อัยการก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจควบคุมตัวก็เลยคืนตัวผู้ต้องหามา
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา ใน ระหว่างที่อยู่ในกระบวนการคืนสำนวน จึงทำให้ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหา จึงทำให้ผู้ต้องหากลับมาก่อคดีใหม่กับตัวผู้เสียหายอีกครั้งตามที่เป็นข่าว จนทำให้ทางผู้ปกครองของผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดสอบกับ วิชาชีพอีกครั้งในวันพรุ่งนี้สำหรับเหตุการณ์ครั้งล่าสุด ซึ่งได้ว่าขึ้นเป็นคดีใหม่ ส่วนคดีเดิมที่มีการคืนสำนวนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวถูกต้องหาตามหมายเรียก เพื่อที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการได้ให้พนักงานสอบสวน ทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมพร้อมสรุปสำนวนอัยการพร้อมส่งผู้ต้องหากลับไปอีกครั้ง ในสวนสำนวนรอบนี้หากส่งกลับไปตนคาดว่าทางอัยการคงไม่มีการตีกลับมาอีกครั้ง เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อหาผู้ก่อเหตุ ในข้อหา พรากผู้เยาว์ ข้อหา อานจาน และ ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง
ในส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายอ้างว่า เพื่อนชวนไปทำงานและให้ไปพบก่อนเจอตัวผู้ก่อเหตุนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการนำตัวเพื่อนมาสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากวันนี้สอบสวนผู้ต้องหาเสร็จ ทางตำรวจจะนำตัวผู้ก่อเหตุส่งพนักงานอัยการทันที
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: