นายปริพนธ์ หงส์ไพบูลย์กุล ทนายความ พาผู้เสียหายที่ถูกชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ท่าเรือ รีดเงินไปกว่าครึ่งแสนเข้าแจ้งความ ล่าสุดได้มีนายตำรวจโทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายเพื่อขอเคลียร์เรื่องดังกล่าว แต่ผู้เสียหายไม่ยอมและยืนยันว่าจะเอาถึงที่สุด
เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม 2565 นายณัฐพล (ขอสงวนนามสกุล) 28 ปี พร้อมด้วยนายปริพนธ์ หงส์ไพบูลย์กุล ทนายความ ได้หอบหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของชายสองคนที่อ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวน สน.ท่าเรือ ชื่อ นายอ้วน และ นายเสริญ ที่ขี่รถจักรยานยนต์และซ้อนท้ายกันมาดักซุ่มรอตนที่กำลังเดินทางมาชั้นล่างของคอนโดเดอะทรัส ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนเข้าล็อกตัวตนก่อนที่จะพาตนไปในที่ลับตาคนและทำการตรวจค้นร่างกายตน โดยที่ไม่มีหมายค้นหรือแจ้งว่าตนกระทำผิดกฎหมายอะไร และพาตนไปตรวจค้นภายในรถยนต์เก๋งของตนที่จอดอยู่นานจอดรถของคอนโดดังกล่าว แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ก่อนที่ชายทั้งสองจะล่วงเอาเงินสดภายในกระสะพายข้องของตนจำนวน 6 หมื่นบาทไป หลังเกิดเหตุได้เข้าปรึกษาทนายความก่อนที่จะเดินทางมาที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามชายทั้งสองที่อ้างตัวเป็นตำรวจ สน.ท่าเรือ มาดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ โดยที่ พ.ต.ท.วุฒิ พุฒิพรนนท์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เป็นผู้รับแจ้งความร้องทุกข์กับผู้เสียหายพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงมารับข้อมูลตัวผู้ก่อเหตุเพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งสอง
ข่าวน่าสนใจ:
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- "ตรังโมเดล" โกโก้สร้างรายได้ให้เกษตรกร กิโลกรัมละ 8 บาท ภาคเกษตร-เอกชนร่วมมือเปิดจุดรับซื้อ 11 แห่ง
- อำเภอตะกั่วทุ่งเลือกตำบลท่าอยู่ เดินหน้าขับเคลื่อนสู่ "ตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
- ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา>ชาวพุทธ+ทพ.48 ร่วมทอดผ้าป่า
นายณัฐพล ผู้เสียบหาย ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงของวันนี้ตนได้ลงมาจากคอนโดเพื่อที่จะไปซื้อข้าวกิน และได้เห็นคนร้ายทั้งสองที่ใส่เสื้อไลน์แมนและชายรูปร่างอ้วน ในระหว่างที่ตนเดินมาถึงหน้าคอนโดเพื่อจะเดินมาขึ้นรถ ชายทั้งสองได้แสดงตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนของ สน.ท่าเรือ ได้เข้ามาแสดงตัวขอจับกุมตนโดยที่ชายทั้งสองก็ไม่มีหมายจับมาแสดงให้ตนดู ตนจึงย้อนถามไปว่ามาจับตนเรื่องอะไร ชายทั้งสองได้บอกว่าเป็นตำรวจ สน.ท่าเรือ โดยบอกว่าตนก็รู้จักอยู่ ก่อนที่จะพาตนไปหลบอยู่อีกมุมหนึ่งเพื่อทำการค้นตัวของตน แต่ไม่มีอะไร ก่อนที่จะให้ตนพาไปที่รถเพื่อตรวจค้น ซึ่งก็ไม่มีสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่พาเขาเจอเงินในกระเป๋าของตนจำนวน 7 หมื่นบาท ซึ่งตนก็พยายามขัดขืน แม้ยอมให้เงินจำนวนดังกล่าวไป และก็ยังถามผู้ก่อเหตุอีกว่า มาจับตนได้อย่างไรตนไม่ได้ทำผิดอะไรและหมายจับก็ไม่มี ผู้ก่อเหตุทั้งสองจึงบอกว่า มึงจะสู้ก็เหรอและใช้มือตบไปที่เอว ซึ่งตนก็กลัวว่าจะพาตนไปยัดยาที่ไหนอีก ตนก็เลยบอกว่ายันเอาเงินไปแต่ตนขอแบ่งไว้สัก 1 หมื่น เงินจำนวนดังกล่าวจึงเหลือ 6 หมื่น ผู้ก่อเหตุจึงเอาเงินจำนวนดังกล่าวไป ซึ่งตอนแรกเขาจะเอาตั้ง 1 แสน แต่ตนบอกว่าไม่มี ผู้ก่อเหตุจึงบอกว่าของเป็นตัวเลขกลมๆ หน่อยเพราะจะเอาไปแบ่งให้คนอื่นอีก ด้วยความกลัวตนจึงนำเงินจำนวนดังกล่าวส่งให้ผู้ก่อเหตุไป และผู้ก่อเหตุอ้างว่า เป็นเหตุมาจากคดีเก่าที่อยู่ที่ สน.ลุมพินี ซึ่งคดีขณะนี้อยู่ในชั้นศาล ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวอะไร และเงินจำนวนดังกล่าวที่ผู้ก่อเหตุเอาไปก็เป็นเงินที่ตนไปเก็บค่าแผงขายของในย่านตลาดคลองเตย
นายปริพนธ์ ทนายความ ได้กล่าวว่า ในวันนี้ได้พาผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ และมาชิ่งทรัพย์ของผู้เสียหายไป ส่วนในรายละเอียดตนก็ยังคงให้อะไรมากไม่ได้ เพราะต้อนรอทางร้อยเวรเขาสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ล่าสุดได้มีนายตำรวจโทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายเพื่อขอเคลียร์เรื่องดังกล่าว แต่ผู้เสียหายไม่ยอมและยืนยันว่าจะเอาถึงที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: