ฝนตกหนักทั่วสมุทรปราการทำถนนสายหลักจมบาดาล ขณะเดียวกันจังหวัดได้ออกมาแจ้งเตือนเฝ้าระวังระดับน้ำหนุนสูง น้ำในคลองมีแนวโน้มน่าจะสูงขึ้น และปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก ให้ประชาชนที่บ้านเรือนอยู่ริมคลอง ย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายถึงช่วงเย็นที่ผ่านมา จังหวัดสมุทรปราการ มีฝนตกหนักลงมาในหลายพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด จึงทำให้มีน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจรถนนสายหลักหลายสายจมบาดาน โดยที่บริเวณแยกศรีเทพา รอบแยก มีน้ำท่วมขัง สูงเสมอระดับฟุตบาธ
โดยที่ขามุ่งหน้าปากน้ำ มีน้ำท่วมสูง 20 – 30 ซม ยาวกว่า 100 เมตร ท่วมทั้ง 3 ช่องทาง รถเล็กสัญจรได้ลำบาก ทำให้การจราจรมีการชะลอตัว ส่วน ถนนเทพารักษ์ มีน้ำท่วมขัง สูง 10 -15 ซม ตั้งแต่ สี่แยกศรีเทพา ( จุดตัดถนนเทพารักษ์ กับ ถนนศรีนครินทร์ ) ไปจนถึงสามแยกเทพารักษ์ ทำให้รถชะลอตัว เคลื่อนตัวได้ช้า ส่วนด้าน ถนนศรีนครินทร์ มีน้ำท่วมขังตั้งแต่ท้ายซอยวัดด่านสำโรง ไปจนถึงแยกลาซาน เขตกรุงเทพมหานคร นำสูงระดับฟุตบาล ทำให้มีการจราจรติดสะสมยาวกว่า 2 กิโลเมตร ส่วนในซอยแบริ่ง มีน้ำท่วมขังเป็นช่วง ๆ ตลอดทั้งซอย ซึ่งเป็นปัญหาประจำทุกครั้งที่มีฝนตกหนัก โดยทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ดำเนินการเร่งสูบน้ำลงคลองต่าง ๆ โดยที่สภาพคลองสำโรงที่เป็นคลองสายหลักมีน้ำเต็มคลองจนเกือบล้นตลึง ส่วนในอำเภอบางพลี ยังมีน้ำท่วมขังในถนนบางนา ตราด ช่องคู่ขนาด เป็นช่วง ๆ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก
โดยที่ ปภ.จังหวัดสมุทรปราการ และ กรมชลประทาน ประกาศ อำเภอบางพลี และ อำเภอบางเสาธง เนื่องจากได้รับแจ้งเตือนว่าระดับน้ำในคลองสำโรง ฝั่งชลประทาน มีแนวโน้มน่าจะสูงขึ้น ขอความกรุณาประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน บ้านเรือนริมคลอง ย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงด้วยครับ ในพื้นที่ใกล้เส้นสีฟ้า เขียว เนื่องจากมีปริมาณฝนตกจำนวนมาก บริเวณริมคลองดังต่อไปนี้ ( สีฟ้าในแผนที่ ) 1 คลองพระองค์ไชยานุชิต / 2 คลองด่าน / 3 คลองสำโรง / 4 คลองชายทะเล ( เลียบถนนสุขุมวิท ) / 5 คลองลาดกระบัง / 6 คลองบางปลา / 7 คลองเจริญราษฎร์ / 8 คลองบางโฉลง / 9 คลองจรเข้ใหญ่ และ 10 คลองบางเสาธง ขอให้เฝ้าระวัง และ สังเกตระดับน้ำในคลองดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และ เตรียมพร้อมขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูงไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่จะตกหนักในวันที่ 8-10 กันยายน 2565 ประกอบกับปริมาณน้ำที่ระบายมาจากพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร เพื่อระบายต่อลงสู่ทะเล รวมทั้งระดับน้ำทะเลที่จะหนุนสูงในช่วงเวลา 18.00-20.00 น. ในวันดังกล่าว ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่าวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
