พ่อร้องสื่อช่วยลูกชายชั้น ป.6 ถูกครูพละ กระชากคอเสื้อ ตบหน้า ตบหัว ตุ้ยท้อง เหตุโมโหลูกชายเรียกครูว่าไอ้เบิร์ด ใบรับรองแพทย์ระบุว่าเด็กมีรอยช้ำบริเวณหน้าอกส่วนบน พ่อเผยไม่ได้เข้าข้างลูก แต่ครูทำเกินไป ล่าสุดทนายเกรียง ยื่นมือช่วยพาเข้าแจ้งความ ด้านโรงเรียนทำเรื่องชี้แจงไปยังต้นสัดกัดแล้ว ยังไม่ลงโทษครู
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคุณพ่อท่านหนึ่งว่าลูกชายถูกครูพละโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอบางบ่อทำร้าย หลังรับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับ นายนาย ศุภรัก แพวงค์ อายุ 42 ปี น้องเบส อายุ 12 ปี ที่ถูกทำร้าย และน้องไอซ์ อายุ 12 ปี ลูกพี่ลูกน้องของน้องเบส ซึ่งเห็นเหตุการณ์ โดยนายศุภรัก ได้นำใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลบางบ่อ ให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งภายในใบรับรองระบุว่า มีรอยช้ำบริเวณหน้าอกส่วนบน ซึ่งล่าสุดน้องเบส ได้เปิดจุดที่มีเป็นลอยช้ำพบว่าจากเขียวช้ำเริ่มจางแล้ว ที่บริเวณท้องพบว่ามีแผลเป็นจากการผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้ยังไม่ถึงปี ด้านครอบครัวกลัวจะกระทบกระเทือนจนแผลปริหรือเปิดออกจะทำให้เป็นอันตราย
นายศุภรัก พ่อของน้องเบส เล่าว่า น้องเบส (เด็กที่ถูกครูทำร้าย) อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ถูกครูพละทำร้าย เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 ตนทำอาชีพเก็บของเก่าลูกค้าได้ให้ลูกตะกร้อกับลูกชายมา ลูกชายได้นำไปเล่นที่โรงเรียน ลูกตะกร้อของลูกชายได้ทำตำหนิไว้ ครูเห็นได้ยึดลูกตะกร้อไว้ เพราะเหมือนของโรงเรียนตนสันนิษฐานว่า เขาน่าจะคิดว่าลูกชายตนขโมยไปหรือเปล่า ครูคนดังกล่าวได้ยึดลูกตะกร้อไว้และเขาก็สอบถามลูกชายตนว่าเอาลูกตะกร้อมาจากไหน ราคากี่บาท ลูกชายตนก็ตอบไปว่าลูกค้าพ่อให้มา ราคาประมาณ 150 บาท จากนั้นครูก็ไปเช็คราคาในออนไลน์แล้วบอกลูกตนว่าราคานี้ไม่มีหลอก แล้วครูก็ยึดลูกตะกร้อไป พอถึงเวลารวมแถวเพื่อนก็ถามลูกตนว่าลูกตะกร้อไปไหน ลูกตนก็พูดด้วยความที่โมโหกับเพื่อนว่าถูก “ไอ้เบิร์ด” (ครูพละที่ยึดตะกร้อไป) ยึดไป แต่มีเด็กที่อยู่แถวนั้นได้ยินที่ลูกตนพูด ก็เลยนำเรื่องไปฟ้องครู พอครูทราบเรื่องก็เรียกลูกตนเข้าไปพบแล้วถามว่า ได้เรียกครูว่าไอ้เบิร์ดจริงไหม ลูกชายตนก็บอกว่าจริงครับ ครูก็เลยสั่งสอนทำโทษด้วยการ ตบหัว ตบแก้ม ตุ้ยท้อง ตนมองว่าการสั่งสอนแบบนี้มันไม่ถูกต้อง น่าจะถามก่อนว่าทำไมเรียกครูอย่างนี้ อย่างน้อยลูกตนมีพฤติกรรมแบบนี้น่าจะมาบอก พ่อ แม่ ก่อนว่าลูกตนทำไม่เหมาะสม
หลังจากที่ทราบว่าลูกทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมตนก็ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนลูกตนไปแล้ว หลังเกิดเรื่องลูกตนก็ไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฟัง แต่ขณะที่ครูพละทำร้ายลูกตนนั้น มีลูกพี่ลูกน้องของน้องเบส เห็นเหตุการณ์พอดี เลยกลับมาเล่าให้ที่บ้านฟัง ญาติตนเลยโทรมาแจ้งว่าลูกตนถูกครูทำร้ายตนถึงได้ทราบเรื่อง หลังทราบเรื่อง ประมาณเที่ยงของวันที่ 21 กันยายน ตนก็เลยเดินทางไปที่โรงเรียนทันที จากการสอบถามครูพละก็ยอมรับว่าทำจริง แต่ทำเบาๆ ไม่ได้ทำรุนแรง แต่ที่ตนห่วงคือลูกตนโดนครูชกที่ท้อง ซึ่งลูกตนมีแผลผ่าตัดที่หน้าท้องเพิ่งผ่าตัดมาได้ไม่ถึงปี ซึ่งหมอบอกว่ามีโอกาสที่แผลจะแตกหรือปริได้ถ้าถูกกระทบกระเทือนรุนแรง
หลังจากเกิดเรื่องตนก็ได้เข้าไปพูดคุยกับทางผู้บริหารของโรงเรียนแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งทางผู้บริหารก็พยายามพูดคุยว่าขอให้จบเรื่อง จะเรียกให้ครูพละมาขอโทษแล้วจบเรื่องกันไป แต่ตนมองว่าถ้าขอโทษแล้วจบมันง่ายไป ครั้งหน้าเกิดเรื่องอีกก็ต้องขอโทษอีก ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบหน่อยเพราะอยากให้ครูพละรู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ล่าสุดวันนี้ก็มี ทนาย เกรียงศักดิ์ พินทุศรศรี เข้ามาช่วยเหลือพาเข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.บางบ่อ แล้วจะนัดมาพูดคุยกับทางโรงเรียนในวันพุธ ที่ 28 กันยายน นี้ อีกครั้ง
น้องเบส อายุ 12 ปี (เด็กที่ถูกครูทำร้าย) เล่าว่า ถูกครูใช้หลังมือตบหน้า ตบหัว ตบปาก กระชากคอเสื้อ กระแทกหน้าอก แล้วก็ตบที่ท้องอย่างแรงจนตนรู้สึกเจ็บ ที่ครูทำร้ายเพราะตนโมโหที่ถูกครูยึดลูกตะกร้อไป เลยเรียกครูว่าไอ้เบิร์ด ตอนนี้ตนก็ไม่ค่อยกล้าไปโรงเรียนเท่าไหร่เพราะยังกลัว แต่ยังไงก็ต้องไปเรียนเพราะว่าใกล้สอบแล้ว
ด้านน้องไอซ์ อายุ 12 ปี ลูกพี่ลูกน้องของน้องเบส ซึ่งเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนกำลังไปรับน้อง จึงเห็นว่าน้องกำลังถูกกระชากคอเสื้อ แล้วครูก็สั่งให้น้องนั่งลงแล้วก็ตบน้อง แล้วครูก็พูดว่านอกจากงานยังไม่ส่งแล้วนิสัยยังแย่อีกทำแบบนี้คงไม่ใช่มนุษย์แล้วแหละ แล้วก็ตบน้องอีกรอบนึง พอกลับถึงบ้านตนก็เล่าให้ยายฟัง ยายจึงบอกญาติ ๆ แล้วพ่อของน้องจึงทราบเรื่อง
ผู้สื่อข่าวพยายามไปสอบถามกับทางผู้บริหารของทางโรงเรียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารแจ้งว่ายังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากวันนี้มีประชุม แจ้งแต่เพียงว่าหลังเกิดเรื่องผู้บริหารของทางโรงเรียนได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังต้นสังกัดแล้ว และยังไม่ได้ลงโทษครูพละแต่อย่างใด เนื่องจากการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่พบความผิด
