คุมตัวสองมือปืนใช้อาวุธสงครามยิงคู่อริดับทำแผน ขณะคุมตัวกลับเข้าห้องสืบเจอญาติคนตายได้ยกมือไหว้ขอโทษ
อ่านข่าว ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุชายถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม พร้อมสั่งการเร่งไล่ล่าผู้ก่อเหตุ
อ่านข่าว ลงพื้นที่กดดันผู้ก่อเหตุยิงถล่มด้วยอาวุธสงคราม พบยาบ้าเกือบ 2 หมื่นเม็ด ตำรวจรู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว
อ่านข่าว พ่อแม่เหยื่อถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามนิมนต์พระทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ด้านตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ
อ่านข่าว ผบช.ภ. 1 ลงพื้นที่บ้านผู้ก่อเหตุยิงถล่มคู่อริด้วยอาวุธสงคราม พร้อมยึดรถ 3 คัน ส่วนผู้ก่อเหตุกำลังเร่งล่าตัว
อ่านข่าว รวบแล้วสองโจ๋มือปืนสงครามยิงถล่มคู่อริดับ ย่านสำโรงใต้
อ่านข่าว พบแล้วปืนสงครามแก๊งต้นรั่วหลังผู้ต้องหายอมปริปากที่ซ่อน ตะลึงยังมีกระสุนคารังเพลิง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ. จักรพงษ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวนและหน่วยสวาทตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยอาวุธครบมือสนธิกำลังกว่า 50 นาย ร่วมกันคุมตัว นาย วรฉัตร (หรือใหม่) วรสูตร อายุ 21 ปี และ นาย เทียนชัย (หรือออม) สุขเลิศสิน 22 ปี สองมือปืนที่ใช้ปืนสงคราม M-16 และปืน AK-47 อาก้า ยิงถล่มใส่ นาย ธนภูมิ (หรือภูมิ) คงเกิด อายุ 32 ปี จนเสียชีวิต และนาย นรินทร์ (หรือโหน่ง) แสงจำรูญ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถเก๋งพา 2 ผู้ต้องหาหลบหนี เหตุเกิดใกล้เคียงวัดบางหญ้าแพรก ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุมตัวมือปืนทั้งสองไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณที่เกิดเหตุ รวม 5 จุด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ข่าวน่าสนใจ:
- ชมรมโฮปฯ ร่วมกับชุมชน จัดกิจกรรม ซานตาโฮป แจกของขวัญให้กับเด็กในชุมชนกว่าพันชิ้น
- บุรีรัมย์ คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์ จัดงานเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ส่งความสุขก่อนปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่
- พิธีเปิดนิทรรศการฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์ร่วมยุคในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
- นนทบุรี หนุ่ม 16 ขับเบนช์ เสียหลักเหินขึ้นไปคาอยู่บนรถ 6 ล้อรอดตายปาฏิหาริย์
โดยพาสองผู้ต้องหาไปชี้จุดแรกริมถนนเลียบด่วนบางหญ้าแพรก จุดนี้เป็นจุดที่สองผู้ต้องหาอ้างว่ามารับอาวุธปืนทั้งสองกระบอกก่อนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มาโดยมีนาย แจ็ค อายุประมาณ 23 ปี เป็นคนขับ จากนั้นพาไปชี้จุดซุ่มยิง บริเวณลานปูนที่จอดรถ ห่างจากวัดบางหญ้าแพรกประมาณ 500 เมตร โดยจุดนี้เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้งสองได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นำปืนสงครามคนละกระบอก โดยมี นายออม ใช้ปืน M-16 ก่อเหตุ นายใหม่ ใช้ปืน AK-47 อาก้า ในการก่อเหตุ ทั้งสองพอซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน พยล 492 กรุงเทพมหานคร มาถึงก็เข้าไปซุ่มโป่งดักรอนาย ธนภูมิ ผู้ตายหรือคู่กรณีเดินทางมาถึง โดยทั้งสองขึ้นลำกล้องปืนรอลั่นไกแล้วจนกระทั่งนาย ธนภูมิ กับ นายเมฆ อายุ 26 ปี เพื่อนผู้ตายซ้อนท้ายมา พอขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งสองคนเปิดฉากลั่นไกรัวกระสุนใส่หลายนัด โดยทั้งสองรัวยิงในขณะที่ปืนยังอยู่ในกระสอบและถุงพลาสติกสีดำเพื่อปิดบังอาวุธ คล้ายกับมือปืน ป็อบคอม จนมีบางช่วงที่กระสุนขัดลำทั้งสองจึงสลัดกระสุนออกก่อนจะยิงซ้ำจนหมดแม็กแล้วพากันขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีนายแจ็ค ทำหน้าที่เป็นคนขับพาหลบหนี ส่วนอีกสองจุดภายในวัดบางหญ้าแพรกบริเวณหลังเมรุวัดบางหญ้าแพรกซึ่งเป็นเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุ หลังทำแผนเสร็จตำรวจคุมตัวทั้งสองมาสอบปากคำเพิ่มที่ สภ.สำโรงใต้ ใช้เวลาทำแผนราว 45 นาที
พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เป็นการลงมือก่อเหตุแบบการวางแผนกันเป็นระบบแต่ไม่ใช่รูปแบบของมือปืนรับจ้าง มีการทำงานแบบเป็นระบบแบ่งทีมกันชัดเจน ตั้งแต่ผู้บงการ ผู้นำปืนมาส่ง ผู้ลงมือยิง และผู้พาหลบหนี รวมถึงผู้ค่อยเช็ดข่าวและความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ออกหมายจับแล้ว 6 คน และจับกุมตัวแล้ว 3 คน สองคนที่มาทำแผนคือผู้ลงมือยิง อีกคนนาย นครินทร์ แสงจำรูญ อายุ 31 ปี( โหน่ง )ทำหน้าที่ขับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีดำ ทะเบียน 4กอ 7600 กรุงเทพมหานคร พาผู้ต้องหาหลบหนี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว ขณะที่ผู้บงการ คือนายต้นรั่ว หัวหน้าแก๊งค์ ทราบว่าขณะนี้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ และสั่งการอยู่ต่างประเทศ ขณะนี้ออกหมายจับเป็นหมายแดงแล้ว อยู่ระหว่างประสานผู้เกี่ยวข้องเร่งติดตามตัว และนาย โฟค อายุ 25 ปีเป็นคนเอาปืนมาให้ใช้ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุมาจากการที่ผู้ตาย นำปืนทอมสัน ซึ่งเป็นอาวุธสงคราม มาให้กลุ่มผู้ต้องหาซ่อม แล้วมีการทวงคืนอาวุธปืนจนเกิดความคับแค้นใจกันจนมีการสั่งการให้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้
ระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้งสองมาที่ สภ.สำโรงใต้ ทางด้าน น.ส.กสินา คงเกิด อายุ 49 ปี มารดาผู้ตาย นายมนู คงเกิด อายุ 50 ปี บิดาผู้ตาม และ น.ส.มนตรา คงเกิด อายุ 29 ปี น้องสาว ของ นาย ธนภูมิ ผู้ตาย ได้มาดักรอเพื่อขอเจอหน้าและพูดความในใจกับผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองยกมือไหว้ขอโทษกับการกระทำในครั้งนี้ ขณะที่พ่อและแม่รวมถึงน้องสาวผู้ตายพูดความในใจทั้งน้ำตา โดยนายใหม่ ถึงกับเอ่ยปากบอกหากพ้นคุกจะขอบวชให้ผู้ตาย
ด้าน พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ ออกมาโต้แก้ข่าวข่าวแทนครอบครัวผู้ตายระบุว่าจากการที่มีการนำเสนอข่าวของสื่อบางสำนักที่ระบุว่าผู้ตายเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น เพื่อความเป็นธรรมกับครอบครัวรวมถึงคนตาย ตนเองตรวจสอบประวัติแล้วไม่พบเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใดจึงออกมาแก้ข่าวดังกล่าวให้กับทางบิดาและมารดาและผู้ตาย
นายเมฆ เพื่อนที่มากับผู้ตายในวันเกิดเหตุ เล่าว่า ผู้ตายชวนพี่ตนไปและแต่เขาไม่ไปให้ตนไปแทน ตนจึงถามว่าไปทำอะไรแต่ผู้ตายก็ไม่ยอมบอก ตนก็นั่งรถมากับเขา ตนก็ถามผู้ตายอีกครั้งว่าไปทำอะไรไปเอาอะไร ผู้ตายเขาก็บอกว่าไปเอาปืนยาวที่มาทำเอาไว้ ตนก็ไม่เอะใจอะไร พอไปถึงเขาก็โทรไปเรื่อย ๆ แต่ทางนั้นก็เปลี่ยนที่ไปเรื่อย ๆ 4 ที่ จนมาจุดที่เกิดเหตุซึ่งค่อนข้างมืดและเปรียวตนก็เอะใจตั้งแต่เปลี่ยนที่นัดรอบ 2 แล้ว ว่าไม่น่าจะใช่แล้ว ตนก็เตือนให้ผู้ตายกลับแล้วทั้งระหว่างทางและก่อนเข้าที่เกิดเหตุ พอมาถึงที่เกิดเหตุก็ขี่รถจักรยานยนต์วนอยู่ 3 รอบ ตนก็บอกให้ผู้ตายรีบกลับเพราะตนรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่คนตายก็โทรไปหาฝั่งโน้นแต่ไม่รับหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนเลย ตอนแรก 1 นัด ตนก็คิดว่าเขาจุดพุ แต่พอหันไปเห็นคนแอบอยู่ในพุ่มหญ้า จึงบอกผู้ตายว่าไม่ใช่แล้วเขายิงเราแล้ว หลังจากนัดก็โดนกระหน่ำยิงเลย ผู้ตายโดนนัดสุดท้ายที่กำลังจะออกจากลานจอด ตนก็กระโดดลงจากรถวิ่งหนีเข้าไปในป่าฝั่งตรงข้าม ขณะวิ่งตนได้ยินเสียงปืนอีก 2 นัด ตนก็ไม่แน่ใจว่ายิงใส่ตน หรือยิงซ้ำผู้ตาย หลังจากไปหลบอยู่ในป่า ตนก็พยายามสังเกตว่าคนก่อเหตุหนีไปยังไงเพราะไม่มีเสียงรถเลย แต่ตอนขามาตนสังเกตเหตุมีรถจักรยานยนต์จอดติดเครื่องอยู่ภายในซอยก่อนถึงที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้เอะใจคิดว่าเป็นชาวบ้านแถวนั้น หลังจากที่คนก่อเหตุไปแล้วตนก็โทรหาพี่ชาย ให้ไปตามพ่อแม่คนตาย และก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปตามพี่ชาย และพ่อแม่คนตายกลับมาที่เกิดเหตุ แต่คนตายอยู่โรงพยาบาลแล้ว ที่ผู้ตายพาตน เขาบอกไปเอาปืนมาทำมันเสียง ตนก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตนก็จะไม่ให้เขาไปเลย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: