สาวโรงงานวัย 26 ปี มึน เป็นหนี้กว่า 2 หมื่นโดยไม่ตั้งใจ หลังถูกพนักงานขาย ของคลินิกเสริมความแห่งหนึ่ง นำโทรศัพท์ไปโหลดแอปพลิชั่นหนึ่ง จ่ายค่าคอร์สเสริมความงามโดยไม่แจ้งรายละเอียด และไม่ได้สนใจ กระทั่งถูกทางธนาคารโทรมาทวงถาม
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ นางสาวกัญญารัตน์ สีเขียว อายุ 26 ปี พนักงานโรงงานผลิตชุดชั้นในแห่งหนึ่ง ได้เดินทางพร้อมนำเอกสารเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.รัฐพงษ์ ศรีนอก รองสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ภายหลังจากถูกพนักงานขาย ของคลินิกเสริมความแห่งหนึ่ง นำโทรศัพท์ของตนไปโหลดแอปพลิชั่น กู้เงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค่าคอร์สเสริมความงาม กว่า 21,200 บาทโดยไม่แจ้งรายละเอียดให้ตนทราบ กระทั่งถูกทางธนาคารโทรมาทวงถาม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันสมุทรปราการ
ข่าวน่าสนใจ:
- "มรสุม" ลูกแรกถึงนราฯแล้ว 20 - 26 พ.ย.67 !!!
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
นางสาวกัญญารัตน์ กล่าวว่า ขณะที่ตนเองไปเดินเล่นที่ห้างโรบินสันสมุทรปราการ ระหว่างเดินผ่านบริเวณบูธของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง มีพนักงานขายเดินมาหาตนและสอบถาม ขณะนั้นตนเองก็ไม่ได้สนใจและบ่ายเบี่ยง แต่พนักงานบอกว่าขอเวลา 5 นาที ก่อนที่จะพาตนเองไปนั่งที่บูท พร้อมกับขอให้เปิดแมสก์เพื่อขอดูสภาพผิวหน้า
ระหว่างนั้น พนักงานถามว่า เคยเข้าคลินิกเสริมความงามหรือเปล่า จึงตอบว่าเคย พนักงานบอกว่าตนเองมีฝ้ากับกระ สนใจคอร์ส รักษาหรือไม่ ก่อนจะพูดถึง สรรพคุณของคอร์สเสริมความงามของคลินิก ช่วงที่นั่งอยู่ตนไม่ได้ตั้งใจจะฟัง เนื่องจากไม่คิดจะซื้ออยู่แล้ว จนพนักงานสอบถามว่ามีบัญชีของธนาคารใดบ้าง และนำโทรศัพท์ตนไปโหลดแอปพลิเคชั่น ที่ชื่อว่า “ฟินนิกซ์” พร้อมกับขอบัตรประชาชน และเอกสารแสดงรายได้ของตนเองเพื่อไปกรอกข้อมูล แต่ขณะนั้นพนักงานขาย ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดอะไรเลยว่า แอปดังกล่าวเป็นแอปสินเชื่อ ตนเองคิดว่าเป็นการลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ จากทางแอปของทางคลินิกเท่านั้น
ต่อมา พนักงานบอกว่า สักพักจะมีเงินจำนวน 21,200 บาท โอนมาที่บัญชี ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เอะใจ จนเงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาจริง พนักงานคนดังกล่าวจึงนำโทรศัพท์ของตนเองไปเข้าแอปฯ และรีบโอนเงินออก ไปยังบริษัท ของคลินิก ทันที โดยที่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดใด ๆ ว่า เป็นการกู้เงินผ่านแอปเพื่อมาจ่ายค่าคอร์ส
จากนั้น พนักงานนำเอกสารการขายคอร์สมาให้ตนเองเซ็นชื่อและพับใส่ซองสีขาว เปิดดูภายหลังพบว่า ในซองมีใบเสร็จรับเงินและกิ๊ฟวอชเชอร์ ก่อนกลับพนักงานบอกว่า สามารถนำเอกสารนี้มาแสดงเพื่อเข้าคอร์ส ที่คลินิกได้ภายใน 2 ปี ส่วนค่าใช้จ่ายสามารถผ่อนจ่ายได้ โดยไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นการผ่อนจ่ายกับแอปพลิเคชั่นกู้เงิน
จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน มีข้อความเข้ามา และเจ้าหน้าที่ทางธนาคารโทรมาทวงถาม ทำให้ตนเองตกใจมาก ว่าไปเป็นหนี้ตอนไหน กระทั่งจำได้ว่า เงินจำนวนดังกล่าว เป็นยอดที่โอนออกจากบัญชี ขณะที่ไปลงทะเบียนที่บูทของคลินิก จึงรีบโทรไปสอบถามกับทางคลินิก แต่กลับได้คำตอบว่าไม่สามารถโอนเงินคืนให้ได้เนื่องจากได้ตกลงซื้อคอร์สไปแล้ว ขณะนั้นยังได้ยินเสียง คนพูดแทรกเข้ามาว่า ตนเองโตขนาดนี้ไม่รู้ได้ไงว่าแอปนี้เป็นแอปกู้เงิน และยังท้าให้ตนไปแจ้งความ
ตนเองคิดว่าการที่พนักงานขายมีพฤติกรรมแบบนี้เป็นการหลอกลวง โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดใด ๆ กับลูกค้า หากตนเองทราบตั้งแต่วันแรกว่า จะต้องกู้เงินเป็นหนี้กว่า 2 หมื่นบาท เพื่อมาทำความงาม คงไม่ยินยอมตั้งแต่แรกแน่นอน จึงเดินทางมาแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: