กระทรวงอุสาหกรรม / กระทรวงสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน / กรมควบคุมมลพิษ / กองพิสูจน์หลักฐาน / และสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร ได้เดินทางลงพื้นที่โรงงานรองเท้าที่เกิดเหตุไฟไหม้อาคาร ริมถนนเทพรัตน ขาออก หลักกิโลเมตรที่ 15 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้นเพลิงยังไม่สงบ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้
อ่านข่าว ไฟไหม้โรงงานรองเท้าย่านบางพลี
อ่านข่าว เพลิงยังปะทุในตัวอาคาร ด้านเจ้าหน้าที่ปิดกั้นการจราจรหน้าโรงงานหวั่นอาคารพังถล่ม
จากกรณีเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตรองเท้า ริมถนนเทพรัตน ขาออก หลักกิโลเมตรที่ 15 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565
ข่าวน่าสนใจ:
- ข้าวหลามตำบลโคกเจริญคว้ารางวัลชนะเลิศ "ข้าวหลามดี ศรีทับปุด" ปี 2567
- ชัยภูมิปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบช่วงคริสต์มาส-เทศกาลต้อนรับปีใหม่!
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
- สืบสวนบางพลีโชว์ผลงานตามรวบอดีตช่างกุญแจผันตัวเป็นโจรใช้ความรู้ที่มีทำกุญแจรีโมทขโมย จยย.หรู
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุสาหกรรม เจ้าหน้าที่กระทรวงสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่ในที่เกิดเหตุ โดยทางด้านเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษได้นำเครื่องมือตรวจวัดสภาพอากาศและมลพิษโดยรอบของโรงงานต้นเพลิง นอกจากนั้นยังเก็บค่าตัวอย่างของน้ำ โดยเฉพาะในท่อระบายน้ำที่เชื่อมต่อโรงงานลงสู่คลองสาธารณะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่าจากการตรวจวัดสภาพอากาศในขณะนี้ยังไม่พบสารพิษในอากาศแต่อย่างใดมีเพียงฝุ่นละอองจากขี้เถ้าของไฟไหม้เท่านั้นที่เกินค่ามาตรฐานแต่ก็ไม่มากจนน่าเป็นกังวล
ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางพลี ร่วมกับโรงพยาบาลเซ็นทรัลปาร์ค นำบุคลากรทางแพทย์ออกสำรวจตรวจสอบผู้ป่วยในชุมชนและผู้ที่พักอาศัยโดยรอบโรงงาน โดยพบเพียงแรงงานต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการสูดดมควันไฟเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา กว่าสิบราย ซึ่งอาการยังปลอดภัยดี และได้ให้คำแนะนำผู้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในเบื้องต้น
ด้านเจ้าหน้าที่วิศวกรและผู้ชำนาญการตัวโครงสร้างของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่สำรวจตัวโครงสร้างและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทางด่วนบูรพาวิถีที่อยู่ห่างจากต้นเพลิงเพียงร้อยกว่าเมตรเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบความร้อนและผลกระทบต่อทางด่วนแต่อย่างใด มีเพียงคราบเขม่าควันไฟที่เกาะตามเสาตอหม้อของทางด่วนเท่านั้น ยืนยันยังปลอดภัยแข็งแรงดี
ส่วนสถานการณ์และสภาพเพลิงในตัวอาคารที่มีการปะทุล่าสุด พบว่ายังคงมีกลุ่มควันและแสงเพลิงบางจุดในชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 ของตัวอาคาร ทางด้าน นาย สมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี ระบุว่า ขณะนี้มีการประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงขนาดใหญ่และรถกระเช้าจากหน่วยงานข้างเคียง รวมถึงจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้ามาช่วยดับไฟที่ยังหลงเหลือในขณะนี้ พร้อมทั้งร้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากองค์ส่วนปกครองท้องถิ่นทั่วทั้งอำเภอบางพลีอีกหน่วยงานละ 1 คัน เพื่อเข้ามาดีเลย์น้ำให้กับรถกระเช้า โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงจึงจะดับเพลิงได้อย่างสนิทและรอให้ความร้อนในตัวอาคารหมดไปจึงจะสามารถเข้าตรวจสอบโครงสร้างได้
ต่อมาเมื่อเวลา เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้เนื่องจากยังมีการปะทุของเพลิงอยู่ภายในตัวอาคาร ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงฉีดน้ำเพื่อดับไฟด้านในคาดน่าจะดับได้สนิทในคืนนี้ และในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง
นายรณรงค์ กระจ่างยศ อุปนายก สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร กล่าวว่า ในวันนี้เรามาดูภาพรวมภายนอก โดยอาคารที่เกิดเหตุมีอยู่ทั้งหมด 16 คูหา ลึกเข้าไป 4 คูหา สูงประมาณ 5 ชั้น จากการดูโดยรอบ และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ทราบว่าในส่วนของชั้น 3-5 มีการแตกตัวทรุด และตอนนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่จะพังได้ลงมาได้ จากการสังเกตจากภายนอกตัวอาคารทั้งซ้ายและขวามันยุบลงมาตรงกลางถ้าถล่มลงมาก็จะเข้าด้านใน เบื้องต้นเจ้าหน้าดับเพลิงได้บอกตนว่าประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็น่าจะดับได้แล้ว หลังจากนี้ก็จะเป็นทางฝ่ายโยธาเข้ามาตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงอีกทีก่อนจะเข้าไปตรวจสอบภายใน ส่วนในตัวอาคารตอนนี้เท่าที่ดูตอนนี้ถ้าไม่มีแรงกระทำอะไรก็จะไม่เกิดการทรุดตัว ส่วนอาคารที่เกิดเหตุตนมองว่าไม่น่าจะใช้งานต่อได้แล้วเพราะลักษณะโครงสร้างได้รับความเสียหายไปแล้ว อย่างไรก็ตามต้องรอให้ฝ่ายโยธามาตรวจสอบอีกที
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: