โควิด 19 กลับมาระบาดในสมุทรปราการอีกแล้ว หนุ่ม รปภ. วัย 43 ปี ดับปริศนา เจ้าหน้าที่มูลนิธินำชุดตรวจ ATK ทำการตรวจเบื้องต้นให้กับผู้ตาย ซึ่งผลปรากฏว่าขึ้นสองขีดแดงเข้ม (ติดโควิด) เหตุเกิดภายในป้อมยามของโรงงานแห่งหนึ่ง ถนนเลียบคลองส่งน้ำ ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 06.00น.วันที่ 25 พ.ย.2565 ร.ต.อ.อนันต์ ทองเหลือ รองสว.(สอบสวน) สภ.บางพลี ได้รับแจ้งเหตุมี รปภ.นอนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ภายในป้อมยามของโรงงานแห่งหนึ่ง ถนนเลียบคลองส่งน้ำ ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
- ระทึก! ม้าเหล็กขยี้รถเก๋ง โค้ชฟุตบอลรอดปาฏิหาริย์ในเสี้ยววินาที
- เพลิงไหม้โกดังกระดาษทิชชู่หวิดวอด โชคดีควบคุมเพลิงไว้ได้ทันก่อนลุกลามทั้งโกดัง
- ตรัง ราคายางดิ่งกว่า 20 บาทต่อกิโลกรัม กยท.หนุนสถาบันทำโครงการชะลอยางสู้นายทุน
- ตร.ตรังเข้ม ปราบอาชญากรรม จับอาวุธปืน-รถซิ่ง-ท่อแต่ง ของกลางเพียบ ผู้การตรังลงมือขับแบ็คโฮนำทำลายด้วยตัวเอง
ที่เกิดเหตุ ภายในป้อมยามพบ นาย จตุรงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สภาพ สวมชุด รปภ. นอนหงายเสียชีวิตปริศนาอยู่ภายในป้อมยาม ทางเจ้าหน้าที่ มูลนิธิร่วมกตัญญู จึงนำชุดตรวจ ATK มาทำการตรวจเบื้องต้นให้กับผู้ตาย ซึ่งผลปรากฏว่าขึ้นสองขีดแดงเข้ม (ติดโควิด) ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกห่างจากที่เกิดเหตุ และปิดกั้นบริเวณโดยรอบ พร้อมประสานทีมตอบโต้โควิดและชุดเฉพาะทางของมูลนิธิร่วมกตัญญู มาทำการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต พร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อในที่เกิดเหตุ โดยบรรจุใส่ในถุงซิบอย่างแน่นหนาถึงสามชั้นก่อนจะนำร่างส่งนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์สมุทรปราการ เพื่อชันสูตรต่อไป
จากการสอบถาม นายบัญชัย (สงวนนามสกุล) พ่อของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็น รปภ. ที่เข้าเวรด้วยกันกับผู้เสียชีวิต เล่าว่า บุตรชายปกติเป็นคนแข็งแรงและขยันทำงาน ไม่มีโรคประจำตัวอะไร ก่อนมาพบเป็นศพช่วงดึกที่ผ่านมา โดยบอกกับตนเองว่าไม่ไหวแล้วรู้สึกหนาวสั่นคล้ายจะเป็นไข้จึงนอนพักและมานอนในป้อม ตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งรุ่งเช้ามาเรียกบุตรชายอีกครั้งแต่พบว่าตัวแข็งเสียชีวิตแล้วจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
เบื้องต้น หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบปากคุ รปภ.ที่เข้าเวรด้วยกันและมอบศพผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่ รพ.รามรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์สมุทรปราการ ตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: