รวบสองพี่น้องย่องเข้าไปลักทรัพย์เพื่อนบ้าน 2 หลัง มูลค่ากว่าสองแสนบาท เหตุเกิดภายใน ซอยเพชรหึง 16 (ซอยหลังวัดป่าเกด) ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เจ้าตัวอ้างว่าบ้านหลังดังกล่าวปล่อยเงินกู้และตัวเองก็เป็นลูกหนี้
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 28 ธันวาคม 2565 พ.ต.ต.อดุล มงคลเจริญ สารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลักทรัพย์ภายในบ้าน จำนวน 2 หลัง หมู่ 2 ซอยเพชรหึง 16 หรือซอยหลังวัดป่าเกด ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.ท.ธนกฤต รวยอารี รอง ผกก สส.สภ.พระประแดง พร้อมประสานชุดสืบสวน เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
ที่เกิดเหตุหลังแรก เป็นบ้านไม้ลักษณะชั้นเดียว เลขที่ 21/4 มีนางวิเชียร เจิมวิจิตร อายุ 62 ปี (ผู้เสียหาย) เป็นเจ้าของบ้าน จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่หายไป พบว่ามีพระเครื่อง เงินจำนวนหนึ่ง และสร้อยพระห้อยคอจำนวนหลายองค์ บ้านหลังที่สองซึ่งอยู่ห่างกันเล็กน้อย เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น เลขที่ 21 มี นางธิติชล เจิมวิจิตร 56 ปี (ผู้เสียหาย) เป็นเจ้าของบ้าน จากการตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไป พบว่ามีสร้อยคอทองคำและแหวน จากการสอบถามผู้เสียหายทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายพิสุทธิ์ (หรือนุ๊ก) อ่อนตา อายุ 20 ปี และ นาย พจศรี อ่อนตา 17 ปี พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 9/11 หมู่ 3 ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังจึงนำกำลังไปปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว พบผู้ก่อเหตุทั้งสองคนอยู่ภายในบ้าน จึงขอตรวจค้นตัวและบ้านพักพบของกลางพระเครื่อง สร้อยคอทองคำ และเงินอีกจำนวนหนึ่ง จึงทำการอายัดไว้ตรวจสอบ ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าไปก่อเหตุมาจริง เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก พร้อมของกลาง ธนบัตร 20 บาท จำนวน 11 ใบ ธนบัตร 500 บาทจำนวน 1 ใบ ฐานะบัตร 100 บาทจำนวน 1 ใบ มีตะกรุด 1 อันนาฬิกา 1 เรือน แหวน 5 วง ต่างหู 1 คู่ โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง รุ่น 2J จำนวน 1 เครื่อง พระเครื่องรวมทั้งหมด 23 องค์ สร้อยคอทองคำลายน้ำอ้อย หนัก 3 บาท 1 เส้น แหวนทองหนัก 1 สลึง จำนวน 2 วง และแหวนทองหนัก 50 สตางค์ จำนวน 1 วง มูลค่ารวมมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท
จากการสอบถามนายพิสุทธิ์ (หรือนุ๊ก) ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า ตนเองได้ก่อเหตุลักทรัพย์จริงเนื่องจากตกงาน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็น พนักงานโรงงานกระจกแต่ถูกจ้างให้ออก ตั้งใจที่จะลักทรัพย์บ้านหลังนี้เนื่องจากทราบมาว่าบ้านหลังนี้มีเงินเยอะ เพราะ นางวิเชียร (ผู้เสียหาย) เขาปล่อยเงินกู้ และตนเองก็กู้เขามาแต่ยังใช้ไม่หมด โดยเป็นบ้านชั้นเดียวสามารถเปิดประตูเข้าไปได้เลยไม่มีการล็อคประตู รอบแรกขโมยมาได้แต่พระห้อยคอ จึงไปบ้าน ของ นางฐิติชล ซึ่งเป็นน้องสาวของบ้านหลังแรกได้ใช้เหล็กพาดและปีนขึ้นหน้าต่างชั้น 2 ได้ สร้อยและแหวนทองมา จากนั้นจึงวนกลับไป บ้านหลังแรกอีกครั้งเพื่อที่จะไปเอาของที่มีราคา แต่โชคไม่ช่วย เจ้าของบ้านได้กลับมาและเห็นตนเองจึงวิ่งหลบหนีมาที่บ้านจนตำรวจเข้ามาตรวจค้นและพบของกลางดังกล่าว
นางวิเชียร ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองได้กลับเข้ามาในบ้านช่วงเย็นพบสิ่งผิดปกติเนื่องจาก ตู้เสื้อผ้าถูกเปิดทิ้งไว้ลักษณะคล้ายถูกรื้อค้นรวมถึงหิ้งพระก็ไม่อยู่ในสภาพเดิม จึงเดินออกมาก็เห็นด้านหลังของผู้ก่อเหตุโดยตนเองจำได้อย่างมั่นใจว่าเป็นลูกชายของเพื่อนบ้านแน่นอน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโทรหาน้องสาวให้กับมาดูบ้านด้วยเนื่องจากผู้ก่อเหตุบอกตำรวจว่าได้ขึ้นไปขโมยทรัพย์สินทั้งสองหลัง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์บ้านทั้ง 2 หลังจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นจากการจับกุมมีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี ปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: