พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งล่าตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด ที่รุมทำร้ายหนุ่มร้านขายกระท่อม ภายในซอยวัดเสาธงกลาง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและพกพาอาวุธปืนไปก่อเหตุถึงสองกระบอก
อ่านข่าว อุกอาจ กลุ่มเจ้าถิ่นยกพวกรุมทำร้ายวัยรุ่นชักปืนขู่ลากขึ้นรถ จนแฟนสาวต้องก้มกราบขอชีวิต
จากกรณี กลุ่มเจ้าถิ่นยกพวกชักปืนขู่หนุ่มร้านขายใบกระท่อม ก่อนจะรุมทำร้ายก่อนแล้วพยายามลากขึ้นรถ จนแฟนสาวต้องก้มกราบขอชีวิต จึงยอมปล่อยก่อนจะกระหน่ำตีไม่ยัง หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ราดน้ำมันจุดไฟจะเผาร้าน ก่อนจะขึ้นรถพากันหลบหนีไป เหตุเกิดที่ร้านขายใบกระท่อมแห่งหนึ่ง ภายในซอยวัดเสาธงกลาง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 13 มกราคม 2566
ข่าวน่าสนใจ:
- ชมคลิป-เตรียมเที่ยวงาน 10 ชาติพันธุ์ ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในรูปแบบใหม่ ชมขบวนแห่กลุ่มชาติพันธุ์อลังการ
- กู้ภัยเร่งช่วยชีวิตหนุ่มขับรถกระบะตกคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมาอย่างน้อย 6-7 คน โดยนัดรวมตัวกันที่ตลาดนางรำ ห่างจากที่เกิดเหตุเพียงสองร้อยเมตร จนกระทั่งทั้งหมดมาถึงจุดนัดหมาย จากนั้นพบว่าชายสองคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์สีแดงขับนำหน้ามาจอดที่หน้าร้าน ก่อนจะลงไปก่อเหตุอย่างอุกอาจ โดยจากภาพวงจรปิดพบว่ามีรถทั้งหมด 3 คัน เป็นรถจักรยานยนต์สีแดง 1 คัน รถเก๋งเซฟสีดำ ที่มีชายฉกรรจ์พกปืนมาในรถ 2 กระบอก และรถฟอร์จูนเนอร์สีดำอีกหนึ่งคันที่มีชายเสื้อเขียวลงจากรถไปใช้ไม้ร่วมก่อเหตุ ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันหลบหนี โดยภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าหลังก่อเหตุทั้งหมดพากันขับหลบหนีไปในชุมชนเกาะไก่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาลบางเสาธง จากนั้นไม่นานกล้องตามรายทางของ อบต.บางเสาธง จับภาพตามเส้นทางหลบหนีได้อีกหลายจุด ซึ่งพบว่ารถจักรยานยนต์สีแดงที่มีชายสองคนลงไปเปิดศึก ได้หายไปในชุมชนเกาะไก่ โดยมีรถเก๋งและฟอร์จูนเนอร์ตามไปส่ง จากนั้นรถทั้งสองคันขับวนออกมาอีกทาง ก่อนจะแยกย้ายโดยรถเก๋งวนออกเขตรอยต่อจรเข้ใหญ่ออกชุมชนศรีวารีน้อย ส่วนรถฟอร์จูนเนอร์พบว่าวนกลับมาผ่านที่เกิดเหตุก่อนจะออกถนนเทพรัตนมุ่งหน้าบางบ่อ ซึ่งจากภาพวงจรปิดตามเส้นทางรวมถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่นำมาใช้เป็นหลักฐานเพื่อเร่งติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
น้องมุก แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่านาทีที่ตนเองตัดสินใจยอมแลกศักดิ์ศรีเพื่อหวังช่วยแฟนหนุ่ม เธอบอกว่า เธอยอมแลกชีวิตเพื่อหวังช่วยแฟนหนุ่ม ซึ่งเธอจะเข้าไปช่วยแต่พอหันไปเห็นชายคนขับรถเก๋งขึ้นลำอาวุธปืนแล้วจ่อชี้หน้าตนเอง จนตกใจ แต่พอหันอีกที พบว่าแฟนหนุ่มกำลังถูกลากขึ้นรถจนต้องก้มกราบขอชีวิตและถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุถีบออกก่อนะตีซ้ำแฟนหนุ่มอีกหลายครั้ง ส่วนชนวนเหตุ น้องมุกบอกว่า มาจากเรื่องที่เข้าใจผิด จากการที่ก่อนหน้านี้ มีเพื่อนรุ่นน้องที่ชื่อบังนาน มาซื้อน้ำกระท่อมที่ร้านแล้วมานั่งเล่นอยู่ในร้านจนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าน้องที่ชื่อบังนานไปเคยมีปัญหากันกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ เรื่องวิ่งงานในคลังสินค้าแล้วต่างฝ่ายต่างนัดเคลียร์ใจกันที่ร้านเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 12 จนกระทั่งมีการกระทบกระทั่งกันก่อนที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดคิดว่าแฟนของเธอเป็นหัวโจกในการพาพวกบังนานมาเคลียร์ จึงถูกตามมาทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ ซึ่งพอกลุ่มผู้ก่อเหตุมาถึงก็ไม่พูดจาอะไรพากันรุมทำร้ายร่างกายแฟนอย่างบ้าคลั่ง ตามที่ปรากฏในคลิป ส่วนตัวเองปกติแล้วจะทำงานกะกลางคืนแต่พอทราบข่าวไม่ดีว่าจะมีคนจะมาอุ้มแฟนจึงตัดสินใจหยุดงานอยู่เป็นเพื่อนแฟนที่ร้าน และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุขึ้นจริง หากเมื่อคืนตนเองไปทำงานปล่อยแฟนขายของที่ร้านเพียงลำพังคงถูกอุ้มขึ้นรถไปแล้ว
นางนกเล็ก อ่อนพลับ อายุ 59 ปี มารดาผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเดินทางมาแจ้งความเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ คุณแม่เปิดใจทั้งน้ำตา ฝากถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุว่าทำไมต้องทำลูกชายจนปรางตายขนาดนี้ ยอมรับไม่กล้าดูคลิปและยังทำใจไม่ได้ เพราะเห็นสภาพลูกชายที่ไม่กล้าแม้แต่จะนอนที่โรงพยาบาลหอบสังขารกลับมานอนรักษาตัวที่บ้าน โดยอาการล่าสุดยังลุกไม่ได้ ตามร่างกายฟกซ้ำและปูดบวมหลายแห่ง นอกจากนั้นแม่ยังเผยอีกว่า ลูกชายเมื่อก่อนยอมรับว่าเกเรบ้างตามภาษาวัยรุ่นแต่พอได้แฟนก็เปลี่ยนนิสัยไป ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อดูแลครอบครัว ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น โดยเมื่อช่วงเช้าหลังเป็นข่าวมีโทรศัพท์ปริศนาโทรมาขอเคลียร์ไม่ให้เอาความ ขอให้เรื่องจบไป ซึ่งตนเองยอมรับไม่ได้และยังหวาดผวาความปลอดภัย ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน ทางด้านเจ้าของร้าน ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดกลุ่มผู้ก่อเหตุ ข้อหา ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์แล้ว
พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและพกพาอาวุธปืนไปก่อเหตุถึงสองกระบอก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: