รวบแล้วสี่แก๊งค์เจ้าถิ่นยกพวกรุมทำร้ายพ่อค้าใบกระท่อม หนึ่งผู้ก่อเหตุ อ้างล้างแค้นที่ถูกอีกฝ่ายรุมตีจนภรรยาตกจากรถจักรยานยนต์ วันรุ่งขึ้นจึงชักชวนเพื่อนๆ ออกมาเอาคืน ตามภาพวงจรปิด
อ่านข่าว อุกอาจ กลุ่มเจ้าถิ่นยกพวกรุมทำร้ายวัยรุ่นชักปืนขู่ลากขึ้นรถ จนแฟนสาวต้องก้มกราบขอชีวิต
อ่านข่าว ผู้การปากน้ำ สั่งเร่งล่าตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่รุมทำร้ายหนุ่มร้านขายกระท่อม มาดำเนินคดี
จากกรณี กลุ่มเจ้าถิ่นยกพวกชักปืนขู่ นายคมกฤษ อ่อนพลับ อายุ 27 ปี พ่อค้าขายใบกระท่อม ก่อนจะรุมทำร้ายก่อนแล้วพยายามลากขึ้นรถ จนแฟนสาวต้องก้มกราบขอชีวิต จึงยอมปล่อยก่อนจะกระหน่ำตีไม่ยั้ง หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ราดน้ำมันจุดไฟจะเผาร้าน ก่อนจะขึ้นรถพากันหลบหนีไป เหตุเกิดที่ร้านขายใบกระท่อมแห่งหนึ่ง ภายในซอยวัดเสาธงกลาง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 13 มกราคม 2566
ข่าวน่าสนใจ:
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
- “วิทยา แก้วภราดรัย” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยันการแก้ปัญหาน้ำมันแพง เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อประชาชน ไม่หวั่นปัญหาพรรคที่เกิดขึ้น
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- ชาวบ้านเอือมระอา!ไฟใต้จะจบปีไหน-บึ้ม อส.รปภ.ครูเจ็บ 3
ล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 14 มกราคม 2566 ที่ สภ.บางเสาธง สมุทรปราการ พ.ต.ท.ชินทัตต์ วิเชียรเจริญ สว.สส.สภ.บางเสาธง นำทีมฝ่ายสืบสวน เดินทางไปจับกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุตามหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับกุมได้ 4 คน คือ 1.นายไพศาล (หรือมด) สุขนิ่มนวล อายุ 33 ปี ผู้ที่ออกมาใช้ปืนจ่อไปที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ / 2.นายธนกร (หรือน็อต) รุ่งเรืองอมรชัย อายุ 39 ปี ทำหน้าที่เป็นคนขับ และปรากฏภาพมีการชักอาวุธปืนมาขึ้นลำกล้องจ่อหันไปข่มขู่แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ / 3.นายเลิศพันธ์ (หรือป๊อป) หงษ์จร อายุ 35 ปี คนที่ใช้น้ำมันราดจุดไฟเผา และ 4. นายชลิต (หรือแบงค์) มามาก อายุ 34 ปี เป็นบุคคลที่ถือไม้เบสบอลทำร้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยตำรวจได้คุมตัวมาสอบปากคำเพื่อขยายผล และตรวจยึด รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ เชฟโรเลต ครูซ สีดำ ทะเบียน 1 ขย 1185 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนทั้งสองกระบอกคือปืนแม็กกาซีน 9 มม. ออโต้ พร้อมเครื่องกระสุน ที่นายน็อต คนขับรถเก๋งสีดำชักขึ้นลำหันขู่แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกกระบอกเป็นปืนอัดลมสีดำ ที่นายมดใช้ข่มขู่ผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายมด หนึ่งผู้ก่อเหตุ ได้เปิดใจเล่าว่า ตนเองถูกคู่กรณีมาตีก่อน สาเหตุมาจากกลุ่มของผู้ก่อเหตุไปปิดล้อมรุ่นน้อง จนมีการโทรมาแจ้งว่ารู้จักกับตนเอง จึงมาหารุ่นน้องที่ร้านดังกล่าว ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มากับภรรยา พอมาถึงก็เอ่ยปากขอตัวรุ่นน้องกลับ แต่กลับถูกอีกฝ่ายรุมตีจนภรรยาตกจากรถจักรยานยนต์ และวิ่งหนีตายพากันกลับบ้าน ต่อมาวันรุ่งขึ้นด้วยความแค้นจึงชักชวนเพื่อนๆ ออกมาเอาคืน ตามภาพวงจรปิด
พ.ต.ท.ชินทัตต์ วิเชียรเจริญ สว.สส.สภ.บางเสาธง เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้หลังจากเกิดเหตุได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดและนำผู้เสียหายมาสอบปากคำเบื้องต้นจนทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยมีประวัติถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายคดีมาแล้วหลายครั้ง จึงนำกำลังฝ่ายสืบสวนไปติดตามจับกุมและกดดันให้มอบตัว จนมีนายมด และนายแบงค์ ติดต่อขอมอบตัวและขยายผลไปจับกุม นายน็อต และนายป๊อป ในเวลาต่อมา พร้อมกับยึดของกลางดังกล่าว ซึ่งจากการสอบปากคำพบว่าชนวนเหตุมาจากการล้างแค้นกันระหว่างกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บ ซึ่งย้อนกลับไปช่วงตีสามของวันที่ 12 ม.ค. 66 นายมดและภรรยา ถูกกลุ่มของผู้บาดเจ็บไล่ทำร้ายร่างกายจนมีการเข้าแจ้งความและพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียก ทำให้นายมด เกิดความแค้นชักชวนเพื่อน ๆ มาร่วมกันเอาคืนตามที่ปรากฏเป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวถือเป็นการก่อเหตุต่างกรรมต่างวาระ ในส่วนการไล่ทำร้ายร่างกายในคืนวันที่ 12 มกราคม ก็ต้องเรียกฝ่ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด และในส่วนของกลุ่มนายมดที่ยกพวกพากันไปทำร้ายร่างกายในคืนวันที่ 13 มกราคม ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน เบื้องต้นทางด้านพนักงานสอบสวน แจ้ง 5 ข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บทั้งกายและจิตใจ ส่วนจะสาหัสหรือไม่ต้องรอผลแพทย์ยืนยัน / 2.ร่วมกันกังขังโหน่งเหนี่ยว / 3.ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ / 4.ร่วมกันมีและครอบครองอาวุธปืนเถื่อนโดยผิดกฎหมาย / 5 ร่วมกันพกพาอาวุธไปในทาง เมืองสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน ที่เหลือคาดว่าจะติดตามจับกุมตัวได้ในเร็ววันนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากฝั่งของผู้บาดเจ็บว่ามีผู้ใหญ่ในพื้นที่บางคนโทรมาเสนอให้เงินสด 50,000 บาท เพื่อให้เรื่องจบและไม่ต้องดำเนินคดี แต่หากไม่รับข้อเสนอเรื่องอาจไม่จบและไม่รับรองความปลอดภัย ทำให้ผู้เสียหายยังหวาดกลัวต่ออิทธิพลดังกล่าว จึงวอนตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งผู้เสียหายยืนยันไม่รับข้อเสนอดังกล่าวและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: