ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พาผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้น ป.5 เข้าแจ้งความเอาผิดกับครูหนุ่มที่ใช้ไม้เรียวตีลูกชาย 13 ที จนก้นช้ำ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
อ่านข่าว แม่โร่ร้องสื่อลูกชาย ป.5 ถูกครูตีก้นจนช้ำ ล่าสุด สนง.เขตพื้นที่การศึกษา ตั้งคณะกรรมการสอบสวน
จากกรณีที่ ผู้ปกครองนักเรียน 2 คน ได้ร้องสื่อ เกี่ยวกับ ครู โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอบางบ่อ จังหวังสมุทรปราการ ได้ทำโทษนักเรียน โดยใช้ ไม้เรียวตี คนละ 13 ครั้ง จนก้นเป็นรอยช้ำ ไม่สามารถนั่งตามปกติได้ ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
ข่าวน่าสนใจ:
- คึกคัก นาย"บุ่นเล้ง" อดีตนายกอบจ.ตรัง นำทีมนายกบุ่นเล้ง สมัครครบ 30 เขต ท่ามกลางกองเชียร์คับคั่ง
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
- สมัครชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ วันแรกคึกคัก! โยนเหรียญหัว-ก้อยลุ้นเบอร์ ผู้สมัครฯพรรคปชน.-อิสระ ท้าชนอดีตแชมป์สังกัดว่าที่นายก อบจ. 7 สมัย
- คึกคักกว่าทุกปีสุดยอดงานสืบสานประเพณีตีคลีไฟหนึ่งเดียวในโลก!
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 22 มีนาคม 2566 ผู้ปกครองของเด็กที่ถูกครูตีจนก้นช้ำ พร้อม ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้เดินทางมาเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.คลองด่าน สมุทรปราการ เพื่อให้เอาผิด ครูหนุ่มที่ใช้ไม้เรียวตีก้นลูกชายจนช้ำ โดยที่วันนี้มีผู้ปกครองมาแจ้งความแค่รายเดียว โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่รับแจ้งความ ได้ส่งตัวเด็กนักเรียน ไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลบางบ่อ เพื่อนำมาใช้ประกอบในสำนวน ก่อนที่จะพาตัวเด็กนักเรียน ไปชี้จุดเกิดเหตุภายในโรงเรียนดังกล่าว โดยผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่การศึกษาเขต ที่มาที่โรงเรียนดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เดินขึ้นรถยนต์ตู้สีดำก่อนจะขับออกจากโรงเรียนไป โดยที่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวสอบถามแต่อย่างใด เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จากการสอบถามผู้ปกครอง เขาก็บอกว่า ลูกเขาก็เรียนอยู่ ม.5 ก็เคยโดนตีมาแบบนี้ ตนก็เลยถามแล้วลูกคุณครูโดนตีจนเป็นแบบนี้ไหม เขาก็บอกว่าไม่ได้โดนขนาดนี้ สรุปคือเหมือนจะให้เรายอมความ แล้วจะให้คุณแม่ยอมเสียสละการเจ็บของลูกคุณแม่เพื่อเด็กอีก 2-3 ร้อยคน แล้วเพื่อนบ้านตนที่คอยดูแลน้องด้วยเขาก็เลยถามกลับไปว่าแล้วถ้าเกิดว่าเป็นลูกของคุณครูเอง คุณครูจะยอมไหมให้ลูกของคุณจบให้ลูกคุณเองเจ็บ เขาบอกเขายอม ตนก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณครูพูด ตนคิดว่าในความคิดของเขาแบบว่าอยากให้เราจบเรื่องตรงนี้ ให้ทำเพื่อโรงเรียน เพื่อบุคลากรของโรงเรียน เพราะบุคลากรของโรงเรียนก็มีน้อย ครูคนที่กระทำก็ทำความดีมาตลอดสร้างประโยชน์ให้กับโรงเรียน คงอยากให้ครูคนนี้อยู่ต่อสอนต่อ แล้วเขาก็พูดอีกว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ก็จะต้องมีการสอบสวน ผอ.ก็ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลเหมือนกันอะไรต่ออะไรของเขา แล้ว ผอ.ก็เหมือนกับว่าทางกฎกระทรวงของโรงเรียนก็เหมือนกับว่าต้องมีการประเมิน อาจารย์ประเมิน ผอ. ที่นี้ ผอ.ก็เหมือนกับว่าจะไม่ได้ไปต่อ คุณแม่ก็คิดว่าถ้า ผอ.พูดแบบนี้เหมือนกับว่า ผอ.นึกถึงแต่ตัวเอง ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปต่อ ตัวเองจะต้องมาเดือดร้อนเรื่องแบบนี้แล้วลูกตนละ ตนก็เลยบอกว่าเอาสรุปง่าย ๆ คือว่า กฎหมายก็คือดำเนินไปแล้วก็ให้มันดำเนินต่อไป คุณแม่ก็ยังชั่งใจอยู่ ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้หรอกขอให้เป็นทางทนายคุยไป
ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ วันนี้ตนก็ได้พาผู้ปกครองของเด็กที่ถูกคุณครูตี ตนได้ดูแล้วขนาดเหตุการณ์เกิดมาหลายวันแล้ว แต่ก้นของเด็กยังช้ำอยู่เลย ยังมีรอย ถือว่าทำร้ายร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นครูหรือไม่ก็ตาม ทำร้ายร่ายกาย แต่ถ้าเป็นครูแล้วโทษก็จะต้องเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นครูน่าจะต้องมีจิตวิญญาณวิชาชีพครูสำคัญ เรื่องนี้ผู้ใหญ่กระทรวงศึกษาต้องลงมาดู ไม่ใช่ว่าแค่ย้าย พอย้ายไปสักพักแล้วก็กลับมา มันไม่ได้ ต้องเอาให้ถึงที่สุด เพราะว่าเรื่องนี้ตนก็จะดันให้ถึงที่สุด ก็จะดำเนินคดี ข้อหา ทำร้ายร่างกาย มาตรา 295 แต่ก็ต้องดูว่า เด็กถ้ารักษาตัวเลย 20 วันไป ก็ถือว่าสาหัส แต่เคสนี้คงไม่ถึง ดูจากรูปแล้ว น่าจะโดนแค่ มาตรา 295 จะเปรียบเทียบปรับอย่างเดียวไม่ได้ ต้องส่งสาร ถือว่าเรื่องนี้ไม่ลหุโทษ เพราะกระทำกับเด็กด้วย และยังมีกฎหมายห้ามใช้ไม้เรียวกับเด็กแล้ว แต่ก็ยังมีคนใช้อยู่ ปกติคุณครูนี้ห้ามตีไม่ว่าจะเป็นไม้เรียวหรือมือ ห้ามเด็ดขาดเลย และการลงโทษครูก็จะลงหนัก ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ หลาย ๆ คน เพราะเห็นมีการกล่อมหลาย ๆ คน กลับไปไม่เอาเรื่องเอาราว ในความเห็นตนต้องดำเนินคดี เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง ลูกหลานเราจะได้ไม่ต้องมีจิตที่ช้ำเมื่อเจอกับคุณครูแบบนี้ ตนถือว่าไม่ได้ ถ้าเป็นลูกหลานคุณ คุณจะตีแบบนี้หรือเปล่า ถ้าตีคุณต้องไปเช็คจิต ว่าปกติหรือเปล่า กับการทำร้ายเด็กขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าทำร้ายด้วยอารมณ์ การทำร้ายด้วยอารมณ์กฎหมายเขาห้ามอยู่แล้ว แม้กระทั่ง พรบ. ครู เขาก็ห้ามอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าช่วยกันไม่ได้ พอถึงเวลาช่วยกันแค่ย้ายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะถือว่าเด็กเจ็บจนนั่งไม่ได้ ผู้ปกครองก็ไม่ยอม และเด็กก็จะมีสภาพจิตใจที่ไม่ถูกต้อง รีบแจ้งความเสร็จปุบ แล้วพนักงานสอบสวนต้องประสานนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ ต้องมาตรวจ และทางอัยการก็ต้องมาดำเนินคดี มาดูมาตรวจ เพราะเป็นการกระทำกับเด็ก และต้องส่งศาลเพื่อให้เป็นตัวอย่าง รอลงอาญา หรือไม่รอ หรือปรับเลย ก็ว่ากันไป แต่สุดท้ายแล้วต้องเป็นตัวอย่าง จริง ๆ แล้วตนอยากจะให้ลงโทษจำคุกไม่จำเป็นต้องรอลงอาญา เพื่อจะไม่ให้ไปกระทำกับคนอื่นต่อไป ถ้าทำกับคนอื่นมาก็ติดคุกบวกขึ้นไปเลย เพื่อให้ได้เป็นเยี่ยงอย่างกับคุณครูทั่วประเทศว่าเลิกได้แล้วตีเด็กด้วยอารมณ์ ไม่ได้ จะมาอ้างเมื่อตอนเด็กจนโดนตีจนได้ดี เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว เด็กเขาจะมีสภาพจิตใจที่ไม่ดี ห้ามไม่ก็ไปกินยาถ้าเครียดมากก็ไปหาหมอ อย่างมาลงกับเด็ก เพราะเด็กเป็นผ้าขาว และผู้ปกครองเขาก็ไม่ยอม ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ก็น่าจะถึงศาล ถ้าดูแล้วไม่ชอบมาพากลยังไงตนก็อุทธรณ์ต่อ ตนก็จะเข้าไปช่วยเป็นที่ปรึกษาของเด็กเยาวชนต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: