ลุงวัย 61 ปี ถึงกับเซ็ง พึ่งผ่าตัดตาต้องไปรักษาตัวที่บ้านลูกสาว จนต้องทิ้งบ้านไม่มีคนอยู่ ถูกคนร้ายเป็นชาย 1 คน ปีนรั้วบ้านเข้าไปขโมยของภายในบ้าน รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นายบพิตร วิทูรสกุล อายุ 61 ปี ว่า บ้านถูกคนร้ายขึ้นบ้านถึง 2 วันติด โดยครั้งแรก เมื่อ วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 03.30 น. และ ครั้งที่สอง วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 03.35 น. ทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป มี 1.พระเครื่องหลวงพ่อเงิน ราคาประมาณ 1 ล้านบาท / 2.พระเครื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ราคาประมาณ 1 ล้านบาท / 3.ทองรูปพรรณ รวมน้ำหนัก 2 บาท ราคา 60,000 บาท / 4.นาฬิกามิโด เรือนเหล็ก ราคา 15,000 บาท / 5.นาฬิกามิโด เรือนทอง ราคา 30,000 บาท / 6.นาฬิกาไซโก้ ราคา 5,500 บาท / 7.นาฬิกา อื่น ๆ ราว 20 เรือน ประมาณ 15,000 บาท / 8.พระเครื่องแบบต่าง ๆ รวม 100 องค์ ประมาณ 20,000 บาท / 9.พระเครื่องหลวงพ่อแพร ตะกรุด 3 ดอก ประมาณ 100,000 บาท / 10.พระบูชาองค์ใหญ่ 2 องค์ ทองเหลือ ประมาณ 19,000 บาท / 11.ถ้วย ชาม โบราณ ประมาณ 20 ใบ ราคาประมาณ 5,000 บาท / และ 12.นาฬิกาเรือนใหญ่ 2 เรือน ราคาประมาณ 4,500 น. รวมเป็นเงินประมาณ 2,265,000 บาท โดยหลังเกิดเหตุได้เดินทางแจ้งความแล้วที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ฝั่งตรงข้าม สามารถจับภาพได้ ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 03.46 น. คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวม หมวกแก๊ปลายพราง ผ้าปิดหน้าลายพราง เสื้อแขนยาว สีแดง-ดำ กางเกงยีน รองเท้าแตะลำลอง และสะพายกระเป๋าเป้สีดำ ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สกุ๊ปปี้ สีเหลือง ไม่ติดผ่านป้ายทะเบียน ขี่มาจอดหน้าร้านก่อนจะเดินไปฝั่งตรงข้ามถนน ต่อมาเวลา 04.44 น. คนร้ายได้เดินข้ามกลับมาที่รถจักรยานยนต์ พร้อมอุ้มกระสอบสีขาว มาใส่รถก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เวลา 03.35 น. กล้องอีกมุมหนึ่งของร้านก๋วยเตี๋ยว สามารถจับภาพคนร้ายเป็นชาย 1 คน เดินมาจากซอยข้าง ๆ ก่อนจะปีนตรงประตูหน้าบ้านเข้าไป ต่อมาเวลา 03.37 น. คนร้ายได้ปีนออกมา ในมืออุ้มกระเป๋าใบหนึ่ง
หลังรับเรื่องร้องทุกข์ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 2/266 ซอยสายธนู หมู่ 1 ต.บางเมืองใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่หน้าบ้าน พบกับ นายบพิตร ผู้ร้องและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้พาผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปดูสภาพภายในบ้านที่ถูกคนร้ายรื้อค้นทั้งบ้าน ทั้งเก๊ะลิ้นชัก และตู้ ถูกเปิดทิ้งไว้ทั้งหมด และตรงลูกบิดประตูถูกของแข็งแทงเข้าที่รูกุญแจจนรูขยายออก
นายบพิตร เจ้าของบ้าน เล่าว่า บ้านหลังนี้เคยอยู่กัน 4 คน พ่อแม่ลูก จนลูกทั้งสองคนได้ไปมีครอบครัวแล้วก็ย้ายออกไปอยู่กับครอบครัว ปัจจุบันอยู่กัน 2 คน กับภรรยา ในวันเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ เนื่องจากไปผ่าตาจึงต้องไปอยู่รักษาตัวที่บ้านลูกสาว ประมาณเดือนเศษได้ ในวันที่ 19 เพื่อนบ้านได้โทรมาหาตนเนื่องจากเขาเห็นกระเป๋าเดินทางสีแดง ตั้งอยู่ตรงประตูกระจก ซึ่งเป็นของลูกชาย ตนจึงโทรไปถามลูกชายว่าเข้าไปของหรือป่าว ลูกชายได้บอกว่าวันนี้ไม่ได้ไปต่างประเทศ ตนจึงเดินทางมาดู ก็พบว่าประตูบันได และห้อง เปิดอยู่ทั้งหมด ข้าวของกระจาย ที่เห็นอยู่คือยังไม่ได้เก็บจัดของอะไรเลย ทีแรกว่าเมื่อวานจะมาลูกสาวบอกตนว่าอย่าพึ่งมาจัดเลย กุญแจเราก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ลูกเขยก็กลัวว่าถ้าเกิดคนร้ายมันมาจะเป็นอันตราย เผื่อมันมีอาวุธอะไร ตนก็บอกตำรวจไว้แล้วนะว่าเดี๋ยวมันต้องมาแน่เพราะมันเตรียมของใส่กระเป๋าเดินทางใบสีแดงมาวางไว้ตรงประตูกระจก แล้วมันก็มาเอาไปจริง ๆ ก็คือรอบแรกที่คนร้ายเข้ามาเมื่อเช้ามืดวันที่ 19 ก.ค. มาขนของไปแล้วรอบนึง และได้นำของใส่กระเป๋าเดินทางวางไว้ที่หน้าประตูกระจก จนกระทั่งเช้ามืดวันที่ 20 ก.ค. คนร้ายก็มาเอาไป ตนก็ย้ำกับตำรวจไปแล้วว่าคืนนี้มันต้องมาเอาแน่ ตำรวจก็บอกเดี๋ยวเขาจัดการเอง จนกระทั่งเช้าเพื่อนข้างบ้านเขามาดูก็พบว่ากระเป๋าเดินทางสีแดง หายไปแล้ว ตนก็โทรบอกตำรวจ ตำรวจก็เข้ามาและเขาก็บอกให้ไปแจ้งความที่โรงพัก ตนก็เดินทางไปแจ้งความรอบ 2 ที่สถานีตำรวจ ถ้าเมื่อคืนตำรวจมาซุ่มโปงก็จับได้แล้ว ตนก็บอกเขาว่ามันต้องมาแน่ ๆ เขาก็บอกเดี๋ยวเขาจัดการเอง เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือไม่มา นี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะมาอีกหรือเปล่า มาเอาพัดลม มาเอาโทรทัศ อะไรพวกนี้ เพราะเมื่อคืนเหมือนคนร้ายจะเอารถเก๋งมา โดยมีมอไซค์นำมาก่อนแล้วมีรถเก๋งตามมา
