แรงงานคนไทย ชุด 2 ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม จำนวน 19 คน กลับถึงประเทศไทยแล้ว ด้วยเที่ยวบินของสายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY085 โดยออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ เวลา 04.30 น. ของ วันที่ 13 ตุลาคม 2566 และ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 17.15 น
เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ แรงงานไทยซึ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สงครามและหลบหนีมาจากพื้นที่อันตราย ในประเทศอิสราเอล ชุดที่ 2 จำนวน 19 คน ด้วยเที่ยวบินของสายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY085 โดยออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ เวลา 04.30 น. ของ วันที่ 13 ตุลาคม 2566 และ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 17.15 น. ของวันเดียวกัน ก่อนที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดรถส่งคนไทยทั้งหมดกลับสู่ภูมิลำเนา
ข่าวน่าสนใจ:
- “วิทยา แก้วภราดรัย” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยันการแก้ปัญหาน้ำมันแพง เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อประชาชน ไม่หวั่นปัญหาพรรคที่เกิดขึ้น
- ชัยภูมิชาวโนนทองสืบสานประเพณีนอนลานตีข้าวเปิดลานศูนย์รวมสุดยอดสินค้าอาหารพื้นบ้านไทยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 คึกคักกว่าทุกปี!
- ตำรวจนครพนมทลายขบวนการค้ายาเสพติด ยึดยาบ้า 2 ล้านเม็ด ไอซ์ 46 กก. ผู้ต้องหา 4 ราย รับจ้างข้ามชาติ
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
รายชื่อผู้ที่เดินทางกลับไทย 1.นายวีระพนธ์ หลับจันทร์ / 2.นายดุสิต วิบูลวิโรจน์กุล / 3.นายบุญมา ตาฮอง / 4.นายเกรียงศักดิ์ พันธุ์สุรี / 5.นายศราวุธ ทับทิม / 6.นายไพฑูรย์ รักมณี / 7.นายสุริยันต์ กันตา / 8.นายวิชัย ทิวพงษ์งาม / 9.นายคมสัน คำทอง / 10.นายวิสุทธิ์ แซ่เล้า / 11.นายเจิมศักดิ์ แซ่เล้า / 12.นายผดุง บุตโม / 13.นายชาตรี ชาศรี / 14.นายปฐมพงษ์ หวันลา / 15.นายสุชาติ จันทร์บาง / 16.นายอานนท์ โพธิ์ศรี / 17.นายรชานนท์ ศรีใส / 18.นายนิสัน คล้ายคลึง / 19.นายจิรพันธ์ ธงอาสา
ข้อมูลเพิ่มเติมการอพยพ ครั้งที่ 3 จำนวน 100 คน ออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 14 ตุลาคม 2666 เวลา 11.00 น. เปลี่ยนเครื่องที่ นครดูไบ เพื่อโดยสารต่อโดยเที่ยวบิน FZ1837 ออกจาก นครดูไบ เวลา 20.00 น. และ ถึง ประเทศไทย ในวันที่ 15 ตุลาคม 2566 เวลา 07.25 น. เมื่อถึง สนามบินอู่ตะเภา แล้ว จะมีรถบัสรับจาก อู่ตะเภา ไปยัง รร. SC Park เพื่อให้ญาติพี่น้องรับกลับภูมิลำเนา โดยญาติพี่น้องของคนไทย 100 คน สามารถมาพบญาติที่เดินทางกลับไทยโดยเที่ยวบินดังกล่าว ที่ รร. SC Park ประมาณ 10.00 น เป็นต้นไป (ข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศ)
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ในกรณีพื้นที่จุดเสี่ยงในการสู้รบ หรือ จุดเสี่ยงภัย จากการพูดคุยกับทาง ท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ทราบว่าตอนนี้คนไทยได้ออกมาเกือบหมดแล้ว ประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์แล้ว พอออกมาจากจุดเสี่ยงแล้วก็ต้องมาอยู่ตามศูนย์อพยพต่าง ๆ รอบ ๆ เมือง ส่วนสถานการณ์ยังมีการยิงปืนกันอยู่ ส่วน จรวจ ได้หยุดยิงไปประมาณ 10 ชั่วโมงแล้ว และ สถานการณ์นั้นไม่แน่นอนสูงมาก อาจจะมีการยิงกันได้ตลอดเวลา โดยการอพยพคนออกจะต้องมีการขอจากหน่วยงานราชการที่นั้น โดยการช่วยเหลือนั้น เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนที่หลบอยู่ตามจุดต่าง ๆ ก่อนที่จะนำออกมาที่ปลอดภัย ก่อนที่จะพิจารณากลับประเทศ
โดยที่วันนี้ มีแรงงาน เดินทางกลับประเทศทั้งหมด 57 คน โดยที่สถานทูตส่งมา 19 คน ส่วน แรงงานที่ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเอง ทางรัฐบาล ยืนยัน ช่วยเหลือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกอย่าง โดย ท่านนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า แรงงานที่กลับมาจากอิสราเอล ทางรัฐบาลไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่าง ส่วน ผู้ได้รับบาดเจ็บที่เดินทางกลับมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ตรวจเช็คร่างกายก่อนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา
โดยหลังจากช่วงเมื่อช่วงเช้า ได้มีการประชุมกับสายการบินหลายสาย โดยสรุป ทางเราได้ส่งเครื่องบินเข้าไปในอิสราเอลรับคนไทยกลับมาได้หลายร้อยคน แต่เข้าใจว่ายังไม่พอ โดยยังหาช่องทางอื่น ๆ เพื่อนำคนไทยออกมา จากวันนี้ถึงสิ้นเดือน คาดว่า จะมีคนไทยกลับบ้านได้ไม่ต่ำกว่า 4,000 คน
นางบุญโฮม บุตโม อายุ 50 ปี แม่ของนายผดุง ( เสื้อขาว ) เล่าว่า ลูกโทรมาบอกว่าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหลบอยู่ และ ในช่วงประมาณ 4 ทุ่ม ลูกชายก็แชทมาบอกว่า ผมรักแม่นะ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย และหลังจากที่ติดต่อกันได้ นั้น ลูกชายบอกว่าตลอด 4-5 วันที่ผ่านมาลูกชายถูกทหารช่วยไว้ ส่วน เพื่อนในแคมป์นั้นบ้างส่วนก็มีถูกจับเป็นตัวประกัน 2 คน เป็นชายหญิง โดยลูกชายตนเองก็ได้รับบาดเจ็บถูกยิงโดยที่บริเวณก้น โดยวันนี้ ตื่นเต้น และ ดีใจ ที่ลูกชายเดินทางกลับมา และ ได้เจอหน้ากัน ส่วนอนาคตนั้นจะกลับไปทำงานอีกไหม ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของเขา แต่เขาคงไม่กลับไปแล้วเพราะกลัว
แม่ยาย ของนายผดุง ( เสื้อดำ ) เล่าว่า แคมป์พักคนงานอยู่ห่างจากฉนวนกาซ่าประมาณ 20 กม ส่วนลูกแม่ได้ไปทำงานได้ประมาณปี 6 เดือน โดยตัวลูกชายนั้นก็รู้ว่าในพื้นที่นั้นมีความไม่สงบ แต่ไม่หนักเหมือนครั้งนี้ โดยหลังจากกินข้าวเสร็จลูกชายก็ออกมาเดินอยู่หลังบ้านก็ถูกยิง 1 นัด และ โดยสะเก็ดระเบิด 3 ที่ ได้รับบาดเจ็บ ส่วน เพื่อนก็ถูกไฟคลอก เนื่องจากมีคนบุกเข้ามายิง โดยลูกชายไปทำงานเกี่ยวกับการเกษตร วันนี้ดีใจที่ลูกชายได้กลับมาเมืองไทย
นายเชา คนไทย ( สวมหมวก ) เล่าว่า ทางครอบครัวเป็นห่วงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และขอให้กลับมาก่อน และ มีคนไทยรอกลับประเทศไทยอีกเยอะ และ ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเองก็เยอะ และ หตการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงกว่าทุกครั้ง
นายบุญชัย แซ่ย่าง อายุ 35 ปี เล่าว่า ตนเองอยู่ห่างจากแคมป์ที่เขายิงกันประมาณ 7 กม และ 1 ในนั้นที่โดยยิงนั้นเป็นคู่เขยตนเอง ตนเองเสียใจมาก ที่เขาไม่ได้กลับมาด้วย ตนเองไปทำงานการเกษตร พึ่งไปได้ประมาณ 1 ปี กับ 10 เดือน โดยสถานการณ์ตอนนั้น ทำให้ตนเองนอนไม่หลับ เงินก็ยังเก็บไม่ได้ แต่ต้องกลับมาก่อน เอาชีวิตรอดก่อน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: