หากันให้วุ่น!!! ชายปริศนา วิ่งเข้าบ้านคนอื่น ถูกเจ้าของบ้านเอามีดไล่ ก่อนจะกระโดดหนีลงน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำคลองมหาวงษ์ เจ้าหน้าที่กู้ชีพและมูลนิธิ ช่วยกันหาอยู่หาอยู่ไม่นาน ก็เจอชายดังกล่าว พูดเพียงว่าโดนหลอกมา
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ศูนย์วิทยุกู้ชีพปราการ ได้รับแจ้งมีผู้กระโดนลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณประตูระบายน้ำคลองมหาวงษ์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนคร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณหลังแฟตเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ภายในแม่น้ำเจ้าพระยา พบชาย อายุประมาณ 30-40 ปี ลอยคอวายน้ำอยู่กลางแม่น้ำ เจ้าหน้าที่กู้ชีพและมูลนิธิช่วยกันเรียกให้ชายดังกล่าวให้ขึ้นฝั่งแต่ชายดังกล่าวได้วายน้ำเข้ามาที่เรื่อตรวจตรวจการของศุลกากร ที่จอดอยู่ที่ท่าเทียบเรือ ก่อนจะดำน้ำหายไป เจ้าหน้าที่กู้ชีพและมูลนิธิ ช่วยกันหาอยู่หาอยู่ไม่นาน ก็เจอชายดังกล่าวมุดไปหลบอยู่ใต้คานท่าเทียบเรือของศุลกากร ก่อนจะพยายามว่ายน้ำหนีมาอยู่ใต้เรือ โดยชายดังกล่าวได้โวยวายว่าตนขึ้นไปก็โดนจับ ทำไมมาจับตน ไม่ไปจับคนชื่อเบิร์ด เขาหลอกตนมา เจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก ชายดังกล่าวจึงยอมให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิพาขึ้นฝั่ง ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังพาชายดังกล่าวขึ้นฝั่งชายดังกล่าวได้สลบหมดสติ ด้วยรูปร่างที่อ้วน และจุดที่เดินไปที่บันไดเป็นดินโคลนทำให้การช่วยเหลือไปด้วยความยากลำบาก เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงนำเปลกระดานมารองชายดังกล่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิจะพยายามปลุกเรียกชายดังกล่าว และใช้นิ้วเปิดตาเพื่อทำการส่องม่านตาดู พบว่าชายดังกล่าวได้ลืมตาข้าง และแลบลิ้นออกมาลักษณะจุกปาก เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำชายดังกล่าวขึ้นมาบนฝั่ง ก่อนปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ
จากการสอบถาม นาย สุรสัณห์ บุญประสิทธิ์ 20 ปี เล่าว่า ตอนนั้นตนอยู่กับตาและยาย ขณะที่ตนนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในบ้าน ชายดังกล่าวเขาก็วิ่งเข้ามาในบ้านตน แล้วเขาก็บอกตนว่าเขาถูกหลอกมา ตนหยิบมีดมาไล่เขาออกไปจากบ้าน เขาก็วิ่งมุดใต้สะพานไปกระโดดลงน้ำตรงประตูน้ำเก่า
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ยังไม่ทราบว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร และวิ่งเข้าไปในบ้านคนอื่นทำไม่ หลังจากได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้วจะทำการสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุที่กระทำการดังกล่าวต่อไป
