หลานชายจ้างมือปืนยิงน้าชายชาวอินเดีย ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บริเวณปากซอยแบริ่ง 33/10 สาเหตุขัดแย้งด้านธุรกิจ ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมือยิงได้แล้วให้การรับสารภาพ ได้ถูกจ้างวานมาก่อเหตุ อ้างจะนำเงินไปเลี้ยงลูก ทั้งนี้ทราบตัวผู้จ้างวานแล้วเป็นหลานชายของผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ระหว่างออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง หนุ่มอินเดีย ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าตัว ให้การรับสารภาพ ได้ถูกจ้างวานมาก่อเหตุ อ้างจะนำเงินไปเลี้ยงลูก ด้านเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้จ้างวานแล้วเป็นหลานชายของผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ระหว่างออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
เมื่อเวลา 11.30 น วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ / พล.ต.ท จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 / พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ / พ.ต.อ.วิโรน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ / พร้อมชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ / ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม / นายปรีชา หรือไผ่ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ จ.127/2567 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ในข้อหา / พยายามฆ่า / พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร / โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ จังหวัดอุดรธานี
สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกาย (ถูกยิง) มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณปากซอยแบริ่ง 33/10 หมู่ที่ 9 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บ ชื่อ นายราม ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าบริเวณใต้รักแร้ขวา และแขนขวา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายปรีชา หรือไผ่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า นายปรีชา หรือไผ่ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ / ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ / ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 / จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี / ขุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายปรีชา ที่ซุ้มไก่แห่งหนึ่งในจังหวัดอุครธานี มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวน นายปรีชา หรือไผ่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และ ให้การว่าได้ก่อเหตุจริงโดยได้รับการจ้างวานมาในราคา 50,000 บาท ได้รับเงินสดมาแล้ว 18,000 บาท โดยตนเองได้รับการจ้างวานมา โดยในวันก่อเหตุ (9 กุมภาพันธ์2567) คนร้ายได้มาดูต้นทางบริเวณบ้านของผู้บาดเจ็บ และ ได้แกล้งทำตัวเป็นคนสติไม่ดีเดินคุ้ยขยะบริเวณถังขยะหน้าปากซอยทางบ้านของผู้บาดเจ็บ (แบริ่ง 33/10) เมื่อผู้บาดเจ็บขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาถึงคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนแบลงค์กัน (ปืนอัดลมดัดแปลง) บรรจุกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 1 นัด ที่เตรียมมายิงผู้บาดเจ็บไป 1 นัด กระสุนถูกบริเวณแขนขวา ทะลุเอวด้านขวา กระสุนฝังกำแพงบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีไป
โดยที่ช่วง 12.30 น วันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ได้คุมตัวนายปรีชาผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดที่เกิดเหตุ โดยไล่เรียงจากจุดที่ผู้ต้องหาดูลาดเลาบริเวณตรงข้ามหน้าปากซอยที่เกิดเหตุ ในช่วงสายของวันเกิดเหตุ ก่อนที่ ผู้ก่อเหตุจะมานั่งคุ้ยขยะบริเวณหน้าปากซอยที่เกิดเหตุกว่า 10 นาที จนผู้บาดเจ็บบาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยที่ผู้บาดเจ็บบอกตนเองว่า ห้ามนอนตรงนี้ ตนเองก็ตอบว่าโอเคครับ ก่อนที่จะใช่ปืนที่ใส่ในถุงดำที่วางไว้ข้างถุงขยะยิงใส่ผู้บาดเจ็บไป 1 นัด โดยยิงปืนอยู่ในถุงดำ ก่อนที่จะหลบหนีไป ก่อนจะเจ้าหน้าที่จะพาไปทำแผนตามเส้นทางหลบหนี
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้จ้างวานฆ่ามีความสัมพันธ์เป็นอาเป็นหลานกัน อาจจะมีความขัดแย้งส่วนตัว ทำให้หลานไปจ้างวานกลุ่มแก็งค์นี้มาพยายามฆ่าผู้เป็นอา ประมาณว่าทำธุรกิจร่วมกันก็เลยขัดแย้งกัน ในส่วนของผู้รับงาน รับงานมาและให้มือปืนปลอมตัวเป็นคนจรจัดและไปรอซุ่มอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนที่ว่าทำไมถึงต้องปลอมตัว ต้องรอสอบปากคำอีกที และ ต้องชมเชยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะใช้เวลาน้อยในการสืบสวน จนมาเจอว่าเป็นกรณีของคดีจ้างวานฆ่า ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ได้ไปตามจับกุมตัวถึงจังหวัดอุดรธานี ยังเหลือในส่วนของผู้จ้างวานฆ่าที่ต้องสืบหาและตามจับกุมต่อไป
คดีนี้เป็นผลการดำเนินการของภูธรจังหวัดสมุทรปราการโดย สภ.สำโรงเหนือ เรื่องนี้เกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เป็นคดีพยายามฆ่า ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนมาคุ้ยขยะธรรมดา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 วัน เศษ วันที่ 11 ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ซึ่งคดีนี้เป็นกรณีที่เกิดจากความแค้นส่วนตัว และเราสามารถที่จะทราบตัวผู้จ้างวาน ตัวผู้รับงาน สามารถที่จะทราบคนที่นำอาวุธปืนมาให้กับผู้ต้องหา วันนี้ก็สามารถตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ในส่วนของผู้รับงานและผู้นำอาวุธปืนมาก็สามารถติดตามทราบตัวและจะออกหมายจับทันที และในส่วนของผู้จ้างวาน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทราบแล้วว่าเป็นใคร เหลือเพียงแค่ติดตามจับกุมมาดำเนินคดี
นายปรีชา ผู้ต้องหา เล่าว่า มีคนมาติดต่อตนให้รับงาน และ จะให้ค่าจ้างวาน เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ด้วยการใช้คำพูดว่าทำงานหรือเปล่าถ้าอยากได้เงิน ก่อนจะมารับไปดูสถานที่ก่อเหตุ และ ให้ปลอมตัว โดยฝ่ายผู้ว่าจ้างวางแผนเอาไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเล่าว่าตนไปยืนรอทั้งวันที่หน้าบ้านทำทีเป็นเก็บขยะ พอเป้าหมายออกมาก็ลงมือยิงทันที พอก่อเหตุเสร็จก็หนีกลับอุดร ตามแผนที่วางเอาไว้ และได้ไปหลบอยู่ที่ซุ้มไก่ในจังหวัดอุดร เจ้าตัวเล่าว่าตนเองกำลังต้องการเงิน พอผู้จ้างวานมาจ้างในจำนวนเงิน 50,000 บาท ก็เลยรับงานและตนก็รู้จักกับผู้จ้างวานเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุ ตนเองไม่รู้ เพราะอีกฝ่ายบอกแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเงินว่าจ้าง ก็ยังได้ไม่ครบ เจ้าตัวฝากถึงผู้บาดเจ็บ ว่าไม่ได้ตั้งใจ ส่วนเรื่องที่รับจ้างเพื่อจะเอาเงินไปดูแลลูกแต่ต้องมาโดนจับเสียก่อน ก็ต้องยอมรับความจริง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: