จากกรณี ชายวัย 67 ปี ชาวจีน ถูกรถยนต์กระบะชนดับกลางถนน ขณะเดินข้ามทางม้าลาย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว พร้อมเชิญตัวเจ้าของรถมาสอบปากคำที่โรงพัก ด้านเจ้าของรถ ระบุว่า ได้ขายต่อให้กับคนงานเขมรไปแล้ว พร้อมนำสัญญาซื้อขายมาแสดง ซึ่งขณะนี้คนงานเขมรหลังจากนำรถมาจอดก็ได้หลบหนีกลับบ้านเกิดประเทศกัมพูชาไปแล้ว
อ่านข่าว ล่ากระบะตีนผีเปิดไฟไซเรนส้มซิ่งชนนักท่องเที่ยวชาวจีนกลางทางม้าลายดับสยองต่อหน้าชาวจีน
จากกรณี อุบัติเหตุรถกระบะสีดำคันหนึ่งติดไฟไซเรนสีส้มวิ่งเปิดไฟไซเรนมาด้วยความเร็วแล้วพุ่งชนนาย เจ้า เป่า ชุน อายุ 67 ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน จนร่างกระเด็นและเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะขับหลบหนีไป เหตุเกิดถนนบางนากาเด้นท์ หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ในตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 มีนาคม 2567
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง คึกคัก ชาวบ้านเร่งตกแต่งเรือพระ เตรียมร่วมงานประเพณีลากพระ
- ชัยภูมิรับวันออกพรรษาชาวนาฝายสืบสานประเพณีโบราณจุดลูกไฟตูมกางานบุญกระธูปมายาวนานกว่า 210 ปีคึกคัก!
- หนุ่มมือแทงแฟนใหม่ของอดีตแฟนสาว เข้าพบพนักงานสอบสวน ด้านตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา
- เริ่มแล้ว! งานลากพระตรังปี 67 วัด-สำนักสงฆ์ขนเรือพระร่วมประชัน สุดวิจิตรตระการตา 78 ลำ มุ่งหน้าลานเรือพระทุ่งแจ้ง…
ล่าสุดเมื่อช่วงสาย วันที่ 2 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบบริเวณทางม้าลายที่อยู่หน้าโรงแรมลาซาลเทล Bangkok มีป้ายและสัญญาณไฟกระพริบบอกเตือน ทางข้ามริมถนน และมีป้ายบอกความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงติดตั้งเอาไว้ด้วย
จากการสอบถามนายนิธิชัย บุญครอง อายุ 60 ปี เจ้าหน้าที่ รภป. โรงแรมลาซาลเทล Bangkok ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวกล่าว บริเวณทางม้าลายแห่งนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากวัฒนธรรมของชาวจีน ที่ประเทศของเขาทางม้าลายถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย รถเมื่อมาถึงจะต้องชะลอความเร็วและหยุดให้คนเดินข้ามทางมณ์ แต่ของประเทศไทยไม่เป็นอย่างที่คนจีน จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้เสียชีวิตชาวจีนเดินข้ามถนนและถูกรถกระบะพุ่งชนเสียชีวิตดังกล่าว
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบจนสามารถตามไปพบรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีดำ ที่มีทะเบียนลงท้ายด้วย 991 โดยมีการถอดไฟไซเรนออกเพื่อหวังตบตากับทางตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบร่องรอยการชนที่ด้านหน้าฝั่งซ้าย ได้ขับหลบหนีมาจอดซ่อนไว้ในบริษัทรับเหมาก่อสร้างย่านบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งพอไปตรวจสอบผู้ครอบครอง พบว่าเป็นหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่ง ตำรวจจึงเชิญมาสอบปากคำตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าของรถออกมาระบุว่าได้มีการขายต่อให้กับทาง นาย ทอน อายุ 35 ปี คนงานชาวเขมร ไปแล้ว โดยมีสัญญาซื้อขายมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ รุ่งเรือง ผกก.สภ.บางบ่อ ได้กำชับให้ตรวจสอบการทำประกันภัยของบริษัททัวร์แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ความช่วยเหลือทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตมีการทำประกันภัยการเดินทางและท่องเที่ยวไว้กับบริษัททัวร์ในวงเงิน 1 ล้านบาท และยังมีประกันภัยที่ประเทศจีนอีก 3 แสนยวน รวมถึงเงินเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมติของภาครัฐสำหรับเหยื่อในคดีอาญาสูงสุดหนึ่งแสนบาท นอกจากนั้นทางด้าน สองสามีภรรยาเจ้าของรถ ยังออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของรถยนต์ซึ่งจะมีการเยียวยาตามกำลังทรัพย์ที่พอไหว รวมวงเงินที่ทางครอบครัวได้รับสิทธ์เงินเยียวยารวมกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งทางพนักงานสอบสวนและตำรวจท่องเที่ยว จะได้แจ้งสิทธิ์ดังกล่าวและอำนวยความสะดวกพร้อมทั้งประสานไปยังบริษัททัวร์เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนรวมถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องงการเดินทางของญาติและการรับศพดำเนินการตามประเพณี ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการที่วัดไทยในการจัดการพิธีศพตามศาสนา
ส่วนตัวผู้ต้องหานั้นพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ของกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อมาประกอบสำนวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายนี้
ด้านสองสามีภรรยาเจ้าของรถ เปิดเผยว่า ตนเองได้ขายต่อรถคันดังกล่าวให้กับนายทอน ไปเมื่อปีเศษแล้ว แต่ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนสัญญากับทางไฟแนนซ์แต่อย่างใด เป็นการขายดาวน์เงินสด 40,000 บาท แล้วให้ผ่อนชำระต่อ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยผิดนัดการชำระแต่อย่างใด อีกทั้งที่ไว้ใจก็เพราะว่าเห็นว่านายทอนทำงานกับบริษัทมานานกว่า 15 ปี แล้ว ซึ่งมีการยึดพาสปอร์ตนายทอนและภรรยาไว้ค้ำประกันกับทางบริษัทแต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ตนเองมาทราบข่าวตอนสายของวันนี้ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองได้ติดต่อนายทอนผ่านทางแชทเฟซบุ๊ก โดยมีการพูดคุยและเกลี้ยกล่อมให้นายทอนกลับมามอบตัว แต่กลับได้รับคำตอบว่านั่งรถตู้กลับไปถึงชายแดนสระแก้วและข้ามฝั่งกลับถึงบ้านเกิดในกัมพูชาแล้วเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาก่อนจะปิดแชทเงียบหายไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: