รวบแล้วคู่ขาโหดแทงพ่อครัวสาวประเภทสองดับ อ้างพาคนอื่นมาห้องจนทะเละกันเพราะหึง ถึงขั้นใช้มีดแทงกันดับคาห้อง หลังจากหลบหนีไปอาศัยนอนตามข้างทาง ตามป้ายรอรถเมล์ แถวหน้าบิ๊กซี พระราม 2 อ้างอยากไปโรงพัก แต่ก็ไปไม่ถูก หลังจากนั้นฝ่ายผู้ก่อเหตุจึงยกมือไหว้ขอโทษคนไทย และขออย่าให้คนอื่นมาทำแบบ
จากกรณีที่มีคนร้ายชายหนึ่งคนไปก่อเหตุฆ่าโหดฟันและแทงพ่อครัวรุ่นใหญ่วัย 46 ปี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง จนเสียชีวิตและถูกหมกศพไว้ในห้องพักนานสองวันกว่าจะมีคนไปพบกลายเป็นศพนองเลือด ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งหลังเกิดเหตุมีการเผยภาพจากกล้องวงจรปิดชายต้องสงสัยที่ลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุขณะที่หลบหนี ซึ่งพบว่ามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าอำพรางตัวและใช้กระเป๋าของผู้ตายสะพายใส่อะไรบางอย่างเดินออกมาจากห้องพัก โดยมีภาพวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ซึ่งมีภาพวงจรปิดบางช่วงที่คนร้ายเดินบนสะพานข้ามคลองลาดกระบังใกล้กับที่เกิดเหตุ จุดนี้จะเห็นคนร้าย นำกระเป๋าสีดำที่สะพายหลังมา เปิดเทสิ่งของภายในกระเป๋า ทิ้งลงคลอง ก่อนจะโยนกระเป๋าดังกล่าวตามลงไป จากนั้นเดินไปขึ้นรถแท็กซี่หลบหนี
ข่าวน่าสนใจ:
- บุรีรัมย์ คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์ จัดงานเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ส่งความสุขก่อนปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่
- ชายวัย 50 ปี เปลี่ยนถังแก๊สเอง จุดเตาทำกับข้าวไฟพรึ่บคลอกเจ็บหนัก
- ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับชุมชน จัดทำบุญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สามารถจับกุมตัว นาย เย่ ลิน ลิน อายุ 24 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่า นาย เท นัน แป อายุ 46 ปี ชาวเมียนมา พ่อครัวร้านอาหาร โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าห้าง บิ๊กซี พระราม 2 เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ที่ นาย เย่ ลิน ลิน นำไปข้างที่บริเวณข้างห้างบิ๊กซีดังกล่าว และบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ ก่อนจะคุมตัวกลับมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.บางพลี
นาย เย่ ลิน ลิน ซึ่งพูดไทยไม่ได้ ให้การผ่านล่ามว่า ตนเองเป็นชาวเมียนมา ได้หลบหนีเข้ามาทางแม่สอด จะมาทำงานในไทย ตอนแรกไปหางานแถวชลบุรี แต่ไม่ได้งาน จึงมาที่อำเภอบางพลี และพบกับผู้ตาย ผู้ตายได้ชักชวนให้ตนไปอยู่ที่ห้องของผู้ตาย โดยตนได้พักอยู่ห้องของผู้ตายมาได้เก้าวัน ระหว่างรองานก็กินนอนอยู่กับผู้ตายโดยผู้ตายเป็นคนซื้อข้าวซื้อน้ำให้ หลัง ๆ ทางผู้ตายได้ไปติดพันหนุ่มชาวไทย ที่มีอายุน้อยกว่า และพามาที่ห้อง วันนี้พามาอีกคน อีกไม่กี่วันก็พามาอีกคน ตนเองด้วยความหึงหวง จึงเกิดปากเสียงทะเลาะวิวาท ผู้ตายได้ผลักตนไปโดนกำแพงจนหัวแตก ก่อนจะถือมีดสู้กันคนละเล่ม สู้กันในห้องไปจนถึงหลังห้อง และตนเองพลั้งมือฆ่าผู้ตาย โดยปาดคอก่อน จังหวะที่ผู้ตายล้ม ตนได้ใช้มีดที่ผู้ตายทำหลุดมือแทงผู้ตายร้องออกมาเสียงดัง ตนจึงใช้มือปิดปาก แต่ปิดไม่มิด จึงใช้ผ้ายัดปาก เมื่อลงมือฆ่าเสร็จแล้ว ด้วยความว่าเนื้อตัวและเสื้อผ้าเปื้อนเลือดจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใส่เสื้อของผู้ตาย และโพกหัวเนื่องจากเลือดออกกันไม่ให้คนอื่นสงสัย ส่วนเสื้อตนเองมีแค่สองสามชุดแต่เปื้อนเลือดหมด จึงนำของยัดใส่กระเป๋าพร้อมมีดที่ตนเองใช้ก่อเหตุตั้งแต่ตน ไปโยนทิ้งในแม่น้ำสะพานข้ามคลองข้างห้างโฮมโปร ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องที่เกิดเหตุเท่าไร ส่วนมีดอีกเล่มที่ผู้ตายทำหลุดมือได้ทิ้งไว้ภายในห้อง จากก็ขึ้นรถไปที่หมอชิต แต่ด้วยความที่พูดและฟังภาษาไทยไม่ได้ จึงหาอาศัยนอนตามข้างทาง ตามป้ายรอรถเมล์ แถวหน้าบิ๊กซี พระราม 2 และนำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปกดเงินที่ตู้ ก็เอาไปซื้อเสื้อผ้า กินข้าว เข้าร้านสะดวกซื้อ ส่วนโทรศัพท์ของผู้ตายก็ไปขายเมื่อวานตอนเย็น ได้เงินมาเจ็ดร้อยบาท ส่วนซิมของผู้ตายโยนทิ้งไปข้างทางจำไม่ได้ว่าตรงไหน กระทั่งมาถูกตำรวจจับ รู้ว่าตัวเองทำผิด ตอนนั้นมีเงินอยู่พันกว่าบาท แต่ไม่เลือกที่จะกลับไปแม่สอด ไม่อยากกลับประเทศ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องไปเป็นทหาร ไปสนามรบ อยากไปโรงพัก แต่ก็ไปไม่ถูก หลังจากนั้นฝ่ายผู้ก่อเหตุจึงยกมือไหว้ขอโทษคนไทย และขออย่าให้คนอื่นมาทำแบบตน
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า เท่าที่สอบถามผู้ต้องหาผ่านล่าม ทราบว่ารู้จักกับฝั่งคนตายมาประมาณเก้าวัน สาเหตุเพระหางานทำแล้วมาเจอกันที่สะพานลอยใกล้ที่พัก หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกัน ฝั่งคนตายก็จะพาผู้ก่อเหตุไปหาสมัครงาน และพามาอยู่ด้วยที่ห้อง จากผู้พักอาศัยก็ได้มาตกลงเป็นแฟนกัน ต่อมาปรากฏว่าผู้ตาย ก็พาคนอื่นมาที่ห้องพักด้วย เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุเข้าใจว่าฝั่งผู้ตายคบคนอื่น ไม่ได้คบเขาคนเดียว และมีการทะเลาะกันในวันนั้น และมีการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ฝั่งผู้ก่อเหตุเล่าว่า ผู้ตายก็ถือมีดปอกผลไม้ เขาเองก็ถือมีดเล่มนึงซึ่งเป็นเล่มใหญ่กว่า คือเล่มที่กู้ภัยไปงมมาได้ จากนั้นก็ต่อสู้กันไปจนถึงห้องน้ำ แต่ทางฝั่งผู้ตายสู้ไม่ได้ จนล้มนอนลงไป ทางผู้ก่อเหตุจึงใช้มีดปอกผลไม้ที่ฝั่งผู้ตายถือ เอามากระหน่ำแทงผู้ตาย เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิต หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า โดยใสเสื้อของผู้ตาย เก็บมีดเล่มใหญ่ใส่ประเป๋าพร้อมเสื้อผ้าเปื้อนเลือด นำไปโยนทิ้งคลอง ส่วนบัตรเอทีเอ็มมีรหัสอยู่แล้ว เขาก็เอาไปกดครั้งแรก หนึ่งพันห้าร้อยบาท ครั้งสอง สองร้อยบาท ครั้งที่สามหนึ่งร้อยบาท และครั้งที่สี่ห้าร้อยบาท หลัก ๆ ข้อหาคือทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนรายละเอียดต้องรอสอบสวนเพิ่มเติม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: