มอบตัวแล้วน้องเมียหัวร้อนโมโหแทนพี่สาวยิงพี่เขยเจ็บสาหัส เผยที่ทำลงไปเพราะปกป้องพี่สาวเพราะครั้งนี้ก็ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาทุบตีพี่สาวกับหลาน ที่ยิง เพราะสั่งสอน ไม่ได้จะเอาเขาให้ตาย
อ่านข่าว น้องเมียหัวร้อนโมโหแทนพี่สาวยิงพี่เขยเจ็บสาหัส
จากกรณี น้องเมียหัวร้อนโมโหแทนพี่สาว หลังพี่เขยทะเลาะกับพี่สาว ใช้ปืนยิงพี่เขยโดนเข้าที่แขนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ก่อนจะวิ่งหนีไป เหตุเกิดภายในโครงการเอื้ออาทรบางโฉลง ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 29 กรกฎาคม 2567
ข่าวน่าสนใจ:
- สูงวัยตรัง ปลื้ม เตรียมตัวรับเงินหมื่น ฝันใช้ยามแก่-ต่อยอดอาชีพบั้นปลาย
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
- "มรสุม" ลูกแรกถึงนราฯแล้ว 20 - 26 พ.ย.67 !!!
ภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพ ชายเสื้อส้มแขนกุด กางขาสั้น ในมือขวาถือปืน เดินขึ้นมาด่อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าห้องของคนเจ็บ ก่อนจะเปิดประตูห้องของคนเจ็บแล้วใช้ปืนยิงเข้าไปในห้อง ก่อนจะรีบลงมาจากตึกแล้วหลบหนีไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 พ.ต.ต.อนันต์ ทองเหลือ สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี ได้เชิญตัว น.ส.วรวรรณ์ สะตารัตน์ อายุ 29 ปี ภรรยาของผู้ได้รับบาดเจ็บ และเป็นพี่สาวของคนก่อเหตุ มาให้ปากคำ ที่ สภ.บางพลี
น.ส.วรวรรณ์ สะตารัตน์ อายุ 29 ปี ภรรยา ผู้บาดเจ็บ หลังให้ปากคำกับ พ.ต.ต.อนันต์ ทองเหลือ สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี เสร็จ ก็ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า คืนนั้น ตนถูกสามี ทำร้ายทุบตี ทั้งเตะ กำคอ ต่อหน้าลูกสาวเธอ (เป็นลูกติดเธอวัย 3 ขวบ) หลังไม่พอใจเรื่องที่ลูกสาวเธอ (เอาซอสไปราดในข้าวที่เธอซื้อมา) โดยสามีโทษลูกของเธอ ทำให้ทะเลาะมีปากเสียงกัน เธอจึงปกป้องลูก แค่เขาก็ทำร้ายเธอ จนเธอต้องอุ้มลูกหนีออกจากห้อง เพราะกลัวเขาจะทำร้ายมากกว่านี้ ซึ่งสามีเสพกัญชา แต่เธอไม่รู้ว่าก่อนเกิดเรื่อง เขาเสพไปหรือไม่ และก่อนที่เธอ จะขี่รถจักรยานยนต์ไปหาน้องชายและญาติที่หอพักที่อยู่ไม่ไกลจากที่เธอพักอยู่ โดยระหว่างที่เธอกำลังเล่าเรื่องราวให้น้าฟัง น้องชายก็ถามเธอว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมร้องไห้ เมื่อน้องชายรู้ เขาก็เดินไปเลย เมื่อเธอทราบจากญาติว่า น้องชายถือปืนกำลังเดินไป เธอจึงรีบเดินตามไปทันที เและขณะที่น้องเดินสวนทางกลับมา เธอได้ถามน้องชาย ว่าไปยิงเขามาเหรอ น้องบอกว่า “แค่สั่งสอน แค่ขู่ไม่อยากให้มันทำพี่อีก” หลังจากนั้นน้องก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยตอนนี้มีน้าที่พูดเกลี้ยกล่อมให้น้องเข้ามามอบตัว และ ยืนยันว่า จะไม่กลับไปคืนดีกับสามีอีก เพราะครั้งนี้เข็ดแล้ว ทนไม่ไหว มันแรงกว่าทุกครั้ง
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าว่า เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ต่างจังหวัด และเดินทางเข้ามามอบตัว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ก่อเหตุแบบนั้นเพราะพี่สาวของเขาทะเลาะกับแฟนอยู่บ่อยๆ ครั้งนี้มีความรุนแรงกว่าเดิม พี่สาวจึงมีการปกป้องตัวเอง และมีการออกจากบ้านมาหาญาติๆ พอตัวผู้ก่อเหตุหรือน้องชายรู้เข้า ด้วยความรักพี่จึงมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น หลังเกิดเหตุพี่สาวก็ยังงงๆอยู่ ได้ถามน้องว่าไปทำเขาทำไม เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ไปบอกน้อง น้องก็แค่มาเตือน ส่วนอาวุธ ก็ต้องรอตรวจสอบ แต่คาดว่าจะเป็น บีบีกัน ส่วนเพื่อนก็ไม่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งภาพในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าเพื่อนเป็นคนเข้าไปดึงตัวเอาไว้ไม่ใช่ร่วมกันก่อเหตุ ส่วนเรื่องที่ทางผู้บาดเจ็บไม่ประสงค์เอาเรื่อง แต่มันเป็นอาญาแผ่นดิน ก็อาจจะเป็นเหตุให้บรรเทาโทษได้ ก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณา ถ้าผู้บาดเจ็บให้การว่าไม่เอาเรื่องก็เอาไปประกอบกับสำนวน เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษได้ ข้อหาหลัก มี 4 ข้อหา คือ 1.พยายามฆ่า / 2.ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต / 3.พกพาอาวุธปืน / 4.ยิงปืน คือข้อหาเบื้องต้น
ต่อมา เมื่อเวลา 19.30 น. พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี / พ.ต.ท.ภาวัต รัตนาภรณ์ รอง ผกก.สส.ฯ / พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางพลี ได้เชิญตัว นายสรวิช สะตารัตน์ อายุ 26 ปี ชาว อ.ปรางค์กู่ อ.ศรีษะเกษ ผู้ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิง นายสุธิพงษ์ วงษ์ภา อายุ 24 ปี ชาว อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืน บีบีกัน ขนาด .38 มม. มาที่โรงพัก สภ.บางพลี หลังเจ้าตัว ติดต่อขอมอบตัวผ่านทางญาติ และพี่สาว
จากการสอบถาม นายสรวิช บอกกับนักข่าวว่า ที่ทำลงไปเพราะปกป้องพี่สาว มันสุดทนแล้ว และครั้งนี้ก็ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาทุบตีพี่สาวผม กับหลาน ที่ผ่านมา เขาเคยเตือน มาตลอดว่าอย่าทำพี่สาว แต่เขาก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมนี้ เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย และส่วนที่ยิง เพราะสั่งสอน ไม่ได้จะเอาเขาให้ตาย และตนรู้ตัวดีว่าโดนจับแน่ๆ ผมก็แค่ขี่รถจักรยานยนต์ไปหาแฟน ก่อนจะขอมอบตัว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: