คิวพีพร้อมพ่อ เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าท่า เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น หลังจากเจ้าพนักงานเจ้าท่าสอบสวนนายคิวพี นานร่วมกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นเดินทางมายัง สภ.พระประแดง เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนและให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมยกมือไหว้ขอโทษและสำนึกผิดทั้งน้ำตา
จากกรณีเหตุสลด หลังเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2567 ได้เกิดอุบัติเหตุเจ็ทสกีของนายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือ “คิวพี” นักแสดงละครซีรีส์ เรื่องวุ่นรักนักบิด ขี่เจ็ทสกีพุ่งชนเรือหางยาวข้ามฟากขนาดเล็ก กลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งน้ำพระประแดง จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจมสูญหายในน้ำ 2 ราย คือ ผู้โดยสารที่มากับเรือหางยาว และคนขับเรือโดยสาร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
ข่าวน่าสนใจ:
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
- รับสมัครนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา วันแรกคึกคัก คนหน้าเดิมกลับมาร่วมชิงชัยนายก 3 คน สมาชิกสภา 72 คน
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
- ชัยภูมิชาวโนนทองสืบสานประเพณีนอนลานตีข้าวเปิดลานศูนย์รวมสุดยอดสินค้าอาหารพื้นบ้านไทยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 คึกคักกว่าทุกปี!
ล่าสุด เวลา 11.45 น. วันที่ 19 สิงหาคม 2567 นายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือคิวพี อายุ 21 ปี นักแสดงซีรีย์และผู้ขับเรือเจ็ทสกี พุ่งชนเรือชาวบ้านเสียชีวิตบริเวณคุ้งน้ำพระประแดงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เดินทางไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ เพื่อพูดคุยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแก่เจ้าพนักงานเจ้าท่า โดยนายคิวพีแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาว สวมหมวกแก๊ปสีดำและใส่แมสก์ปกปิดใบหน้า ได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อ (เสื้อชมพู) และลุงเจ้าของเรือเจ็ทสกี (เสื้อเขียว)
โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามเข้าไปพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงกับนายคิวพีว่า อยากที่จะต้องการขอโทษอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งสภาพจิตใจหรืออยากจะกล่าวอะไรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏว่านายคิวพีได้แต่ก้มหน้าและไม่ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว เช่นเดียวกับพ่อและลุงของนายคิวพีที่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่ทั้ง 3 คนจะเดินทางขึ้นไปยังห้องสอบสวน ชั้น 2 โดยมี นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการและเจ้าพนักงานร่วมทำการสอบสวน
จากการสังเกตการณ์หน้าห้องสอบสวน พบว่า นายคิวพีและพ่อ อยู่ในสภาพที่เคร่งเครียด มีบางช่วงจังหวะที่พ่อได้กุมมือนายคิวพีเอาไว้ ส่วนลุงของนายคิวพี ทางเจ้าพนักงานได้แยกไปสอบสวนอีกห้องนึง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน
หลังจากเจ้าพนักงานเจ้าท่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ สอบสวนนายคิวพี นานร่วมกว่า 3 ชั่วโมง เวลา 15.20 น. นายคิวพีพร้อมพ่อและลุงผู้เป็นเจ้าของเรือ ได้เดินลงมาจากห้องสอบสวน เพื่อเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.พระประแดง
โดยระหว่างทาง ผู้สื่อข่าวได้พยายามพูดคุยกับนายคิวพีว่าสะดวกใจที่จะกล่าวขอโทษใด ๆ แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ปรากฏว่านายคิวพีก้มหน้าและส่ายหัวที่จะไม่ตอบคำถาม ก่อนที่ภายหลังจะยอมพูดเพียงสั้น ๆ แค่ว่า “เสียใจครับ” “ผมขอโทษครับ”
ในขณะที่คุณพ่อของนายคิวพี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเสร็จสิ้นธุระที่ สภ.พระประแดง ก็จะเดินทางไปขอขมาศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย โดยนายคิวพีก็จะเดินทางไปร่วมงานศพด้วย ตอนนี้สภาพจิตใจของนายคิวพียังย่ำแย่และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามพ่อของคิวพีว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต้องการอยากได้ยินคำขอโทษ คุณพ่อของคิวพีจึงได้กล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมดูแลรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นและไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบแต่อย่างใด ก่อนจะรีบเดินขึ้นรถออกไปจากสำนักงานเจ้าท่า
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ผ่านมา มีรายงานหลังจากที่ทางด้าน คิวพีและบิดา เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางกรมเจ้าท่าสาขาสมุทรปราการตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา จากนั้นเดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรพระประแดง เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนและให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งรับทราบแนวทางที่อาจจะถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีในส่วนของคดีอาญา โดยบรรยากาศภายในห้องประชุมชั้นสามของ สภ.พระประแดง มีทางด้าน พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะตัวแทนผู้บังคับการและผู้ดูแลการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ นั่งเป็นประธานในที่ประชุม และนอกจากจะมีพนักงานสอบสวนทีมบูรณาการ แล้ว ยังมีทางด้านคุณพ่อของคิวพีรวมถึงตัวคิวพีและสื่อมวลชนหลายแขนงอยู่ในห้องประชุมด้วย
นายชินดนัย(หรือคิวพี) แซ่ลิ้ม อายุ 21 ปี คนขับ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองอยากจะขอโทษกับญาติของผู้เสียชีวิตกับสิ่งที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้มีเจตนาหรือความตั้งใจที่จะให้เกิดขึ้นแบบนี้ ตนเองไม่ได้มีเจตนา และมีความตั้งใจที่จะบวช อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตและพร้อมที่จะเยียวยากับญาติผู้เสียชีวิตพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง ในวันที่เกิดเหตุตนเองได้เข้ามาในพื้นที่ย่านพระประแดงและไม่ทราบว่ามีการเดินเรือข้ามฟาก ตนเองไม่ค่อยได้ขับเจ็ทสกีมาเล่นในพื้นที่พระประแดงส่วนใหญ่จะขับในบึงปิด ซึ่งในคืนที่เกิดเหตุเจ็ทสกีชนเรือหางยาวข้ามฟากนั้นตนเองยอมรับว่ามองไม่เห็น โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นดังนี้ตนเองได้ขับเรือเจ็ทสกีมากับเพื่อนอีก 1 ลำ ซึ่งเขาแซงและนำผมไป แต่เขาเห็นและสามารถหักหลบได้โดยพ้นช่วงท้ายเรือ เมื่อมาถึงลำของตนเอง มาจังหวะที่ระยะ 1 เมตรสุดท้าย ซึ่งทำให้มองไม่เห็นและไม่ทันแล้วจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ส่วนก่อนเกิดเหตุตนเองไม่ได้กินเหล้าหรือเบียร์มาส่วนภาพที่มีการถือรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ซึ่งเป็นรูปเก่าที่เก็บไว้ถ่ายเล่นๆ ตนเองมองไม่เห็นแสงไฟบนเรือของคุณลุงประยูร ที่เสียชีวิต ส่วนแสงสว่างกลางแม่น้ำก็ไม่สามารถทำให้ตนเองมองเห็นเรือหางยาวข้ามฟากได้ในระยะไกล แต่เจ็ทสกีที่ตนเองขับวันนั้นมีไฟเป็นลักษณะ Daylight และหลังจากนี้ตนเองคิดว่าจะไม่ขับเจ็ทสกีอีกแล้ว ตั้งใจว่าจะเลิกขับ ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะไปร่วมพิธีงานศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และมีความตั้งใจที่จะบวชเพื่อขออโหสิกรรม กับผู้เสียชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองยอมรับว่าเกิดจากความประมาท ตนเองอยากจะฝากถึงผู้ที่ขับเจ็ทสกีว่าอย่าขับในเวลากลางคืน สุดท้ายหนีตนเองอยากจะขอโทษกับญาติผู้เสียชีวิตแต่ไม่รู้จะใช้คำขอโทษอย่างไรดี
ด้าน พ่อของคิวพี เปิดใจบอกว่าทั้งตนเองทั้งคิวพีและรวมไปถึงครอบครัว รู้สึกเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รู้สึกสำนึกผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น วันเกิดเหตุตนเองยอมรับว่ามาด้วย แต่มาคนละลำกับน้องคิวพี คืนวันเกิดเหตุน้องออกมาก่อนกับเพื่อนส่วนตัวเองหลังจากเช็ดบิลเสร็จก็ตามออกมา มาถึงน้องก็ชนแล้ว ตอนชนตนเองไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็พยามขับเรือวนหาผู้บาดเจ็บ จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่เจอจึงช่วยลากเรือเข้ามาที่ท่าน้ำ ในเรื่องของความรับผิดชอบตนเองในฐานะพ่อของน้อง ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบและเยียวยาผู้ที่ได้เสียหายอย่างเต็มที่ ส่วนตัวของน้องคิวพีเองก็รู้สึกเสียใจและสำนึกผิด สภาพจิตใจย่ำแย่ หลังจากเป็นข่าวออกไป ก็ทำให้มีผลกระทบต่างตามมาหลายด้าน ตนเองอยากขอโอกาสสังคม ให้อภัยทางครอบครัวของตนเองโดยเฉพาะน้องคิวพี ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดอุบติเหตุในครั้งนี้ ตนเองในฐานะพ่อยอมรับผิดที่เป็นส่วนหนึ่งที่อบรมสั่งสอนลูกไม่ดีจนเกิดความประมาทขึ้นในครั้งนี้ ส่วนทางครอบครัวหรือญาติผู้เสียชีวิตยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันตั้งแต่เกิดเรื่อง ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ก็ตั้งใจจะไปร่วมงานและพูดคุยกับทางครอบครัว โดยในวันนี้จะให้ทางอาของคิวพี่ไปร่วมงานศพสมุทรสาครก่อนแล้วดูเยียวยาเบื้องต้นก่อน ส่วนตนเองกับคิวพีตั้งใจจะไปที่ลพบุรีก่อนเพื่อพูดคุยและเยียวยาเบื้องต้น
ด้าน พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า วันนี้ทางคุณพ่อน้องคิวพี ตั้งใจจะไปร่วมพิธีงานศพ ของคุณลุงประยูร ที่จังหวัดสมุทรสาคร และนางสาวปริฉัตรที่จังหวัดลพบุรี แต่เนื่องด้วยติดภารกิจต้องสอบปากคำ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ กับทางกรมเจ้าท่าคุณพ่อของน้องจึงมอบหมายให้คุณอา ที่จังหวัดสมุทรสาครเพื่อจะไปเจรจาและเยียวยาญาติผู้เสียชีวิตตามสมควรในเบื้องต้น
ในส่วนของจังหวัดลพบุรี ทางครอบครัว ของน้องก็จะไปเยียวยากับทางญาติผู้เสียชีวิตด้วยเช่นเดียวกันให้เต็มที่และเป็นที่น่าพอใจ ส่วนการสอบสวนก็จะดำเนินการต่อไปที่ สภ.พระประแดง พร้อมที่จะเร่งรัด การสอบสวนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บข้อมูลและดำเนินการไปค่อนข้างมากแล้ว จึงมาขอชี้แจงให้ท่านสื่อมวลชนฟังส่วนในเรื่องของน้องคิวพี ก็พร้อมที่จะขอโทษกับสังคม พร้อมทั้งน้อมรับการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ได้ทำลงไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: