ตำรวจบางพลีคุมตัวโจรใจบาปงัดตู้บริจาควัดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ก่อเหตุให้การณ์ว่ามาเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจมาขโมย เงินที่เอาไปก็นำไปซื้อพระเครื่อง และได้เงินในตู้ไปเพียง 1,000 บาทเเท่านั้น ทาง พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี อยากฝากไว้สำหรับคนร้ายหรือใครที่ไม่ประสงค์ดี ที่จะมาลักทรัพย์ในเขตพื้นที่บางพลี ต้องถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม 2567 พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี / พ.ต.ท.ภาวัต รัตนาภรณ์ รองผกก.สส.สภ.บางพลี / พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี พร้อมเจ้าหน้าชุดสืบสวน สภ.บางพลี ควบคุมตัว นายบุญฤทธิ์ หรือ ฤทธิ์ แซ่อุ๋ย อายุ 54 ปี ชาว จ.ระนอง ผู้ต้องหา คดีลักทรัพย์ ในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล โยจับกุมตามหมายจับ ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ 741/23567 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2567
ข่าวน่าสนใจ:
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- ผู้ว่าฯปัตตานี รินชาลงกลางใจมาแกแตสถานพินิจฯปัตตานี
- ผกร.ป่วนไม่เลิก!วางบึ้ม 5 (แตก 4, กู้ 1) ทางไปสนามบิน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2567 นายบุญฤทธิ์ หรือ ฤทธิ์ แซ่อุ๋ยได้เข้าไปลักทรัพย์ โดยการงัดตู้บริจาค ภายในวิหารพระนอน และหลบหนีไป
จาการสอบถาม นายบุญฤทธิ์ หรือ ฤทธิ์ เล่าว่า มาเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจมาขโมย เงินที่เอาไปก็นำไปซื้อพระเครื่อง เอาไว้ไปขายต่อ เอาเงินในตู้ไปพันนึงก็เอาไปซื้อพระเครื่องแล้วไปขายต่อ เช่าไปขายไป แล้วก็กลับมาเอาอีก เอาเงินจากตู้ไปทำทุน วันนั้นเดินทางมาจากบางกะปินั่งรถเมล์ 145 จากบางกะปิ มาลงเทพารักษ์ แล้วก็ขึ้นรถสองแถวต่อมาและนั่งวิน มอร์เตอร์ไซด์ต่อมา ที่วัดนี้ ตั้งใจมาเที่ยว แล้วขึ้นไปเห็นตู้บริจาค ก็เกิดอยากได้ ก็ไปเบนกล้องออกหน่อย แล้วก็เอาไคขวงไปงัด ซึ่งไขควงก็เอาติดกระเป๋ามาด้วย ไม่เคยทำบ่อย แต่เคยทำมาแล้วสองครั้งแต่ไม่ใช่ที่นี้ แต่ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าไหร่ ตอนนั้นได้เงินไปสองร้อยบาท เงินมันแช่น้ำอยู่ในกล่อง ครั้งที่สองที่สระบุรี เป็นเหรียญรัชกาลที่เก้า เป็นของสูงแต่ผมไปพบอยู่ใต้ฐานพระที่มีกองขยะ ใส่ถุงดำถุงอะไร ก็โดนจำคุกไปหนึ่งปีหกเดือน ส่วนครั้งที่สามคือครั้งนี้ก็เอาไปซื้อพระเครื่องมาขาย หลังจากขโมยไปแล้วก็เดินไปแวะกินข้าวแล้วก็นั่งรถวินรับจ้าง ไปลงที่ธนาคาร ซอยวัดหลวงพ่อโต และต่อรถแท็กซี่ไปลง เทพารักษ์ และต่อรถตู้กลับบ้านที่บางกะปี และอ้างว่า ที่ต่อรถหลายครั้งเนื่องจากต้องการหลบหนีสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าว่า เนื่องจากวันที่ 26 ก.ค. ได้รับแจ้งจากพระครูเจ้าอาวาส มีคนร้ายชายหนึ่งคน มาลักทรัพย์ตู้บริจาคไป ก็แจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าการดำเนินการของตำรวจ ไล่หาตัวคนร้ายได้ยากในระดับนึง เพราะสาเหตุที่คนร้ายไม่ได้นำรถมาเองนั่งโดยสารรถสาธารณะมา ในการโดยสารรถกลับก็เปลี่ยนรถหลายครั้ง แสดงว่าคนร้ายก็ปกปิดตัวเองไม่ให้ตำรวจติดตามได้และหลบหนีไอยู่เตกรุงเทพมหานคร แต่การสอบสวนของตำรวจ สภ .บางพลลี ก็ได้หาข้อมูล หลายๆอย่างก็คือ เราได้ข้อมูลเบื้องต้น ก็มีการตรวจสอบประวัติ ปรากฏว่าเคยมีก่อเหตุลักเงินตู้บริจาควันในฉะเชิงเทรา แล้วก็สระบุรี หลังเราประติดประต่อเรื่อราวได้ เช็คเรียบร้อยแล้ว คนร้ายเป็นใครพนักงานสอบสวน ก็ส่งรายงานออกหมายจับ และติดตามคนร้ายได้ในที่สุด ส่วนทรัพย์ที่คนร้ายได้ไปก็เป็นเงินสด ประมาณพักว่าบาท พฤติการณ์ของคนร้ายมีประวัติลักทรัพย์ในวัด มาหลายครั้ง ฉะนั้นเมื่อมีประสบการณ์ในการลักทรัพย์และถูกจับ เขาก็จะพัฒนาวิธีการยิ่งขึ้นไม่ให้ตำรวจติดตามจับกุมได้ แต่ก็ไม่พบมือตำรวจสืบสวน สภ.บางพลี ที่สามารถปิดคดีนี้ได้ อยากฝากไว้สำหรับคนร้ายหรือใครที่ไม่ประสงค์ดี ที่จะมาลักทรัพย์ในเขตวัดบางพลีใหญ่กลาง หรือในเขตวัด สภ.บางพลี ถ้าลักไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: