ยังไร้วี่แววมือปืนช่างติดฟิล์ม ด้านฝ่ายสืบสวนยังคงเร่งไล่ล่าตัวและแกะรอยจากภาพวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี ขณะที่ญาติเข้าเชิญวิญญาณที่อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีด่าน 5 ขณะที่ทางญาติขึ้นไปที่ห้องของผู้ตายเพื่อเก็บข้าวของกลับบ้านพบยาเม็ดสีส้มในห้องผู้ตาย
จากกรณีที่มีเหตุ นายปิยะณัฐ จิตผ่อง อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นช่างรับจ้างติดฟิล์ม ถูกหัวหน้าผู้รับเหมาในอาชีพเดียวกัน ใช้อาวุธปืนจ่อยิงกลางอกจนเสียชีวิตคาห้องพักของผู้ก่อเหตุ หลังจากนั้นมือปืนคนดังกล่าวเดินใจเย็นออกมาบอกกับทางแม่บ้านว่าให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาเก็บศพ ก่อนจะขับรถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีดำ ทะเบียน 2 ฒร 2028 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป ภายในห้องพักชั้นที่ 1 ของอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีด่าน 5 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงค่ำของวานนี้ ( 8 กันยายน 2567 ) หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ นำทีมพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน ลงเพื่อนตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะกระสุนปืนขนาด .38 ที่พบตกในที่เกิดเหตุจำนวน 1 นัด ส่วนปืนคาดว่าจะเป็นปืนไทยประดิษฐ์ ซึ่งหลังจากที่ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุทราบตัวผู้ก่อเหตุ รายนี้ คือ คือ นายบุญฤทธิ์(หรือสิงห์) เอี่ยวค่วน อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดระนอง มีสักเป็นหัวหน้างานผู้รับเหมารับจ้างติดฟิล์มรถยนต์และอาคาร นอกสถานที่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 กันยายน 2567 นางสมพิศ ศรีวงศ์ อายุ 53 ปี (แม่) และครอบครัว ได้เดินทางมาเชิญดวงวิญญาณของ นายปิยะณัฐ จิตผ่อง อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ที่หน้าห้องที่เกิดเหตุ ก่อนจะเดินถือกระถางธูปไปขึ้นรถมูลนิธิที่จอดรออยู่ด้านหน้าตึก เพื่อเดินทางไปรับร่างของผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์สมุทรปราการ โดยจะนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่ วัดจันทร์ใน ซอยเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกันทางญาติได้ขึ้นไปที่ห้องของผู้ตายเพื่อเก็บข้าวของกลับบ้าน แต่ระหว่างที่ยกลังพลาสติก ได้มียาเม็ดสีส้ม คาดเป็นยาเสพติด จำนวน 1 เม็ด และแผ่นฟอยล์ จำนวน 1 แผ่น ตกลงมา
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุดยังไม่มีรายงานการพบตัวหรือจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ได้แต่อย่างใด ฝ่ายสืบสวนยังคงเร่งไล่ล่าตัวและแกะรอยจากภาพวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี
นางสมพิศ ศรีวงศ์ อายุ 53 ปี แม่ของผู้ตาย ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ตนเองทราบเพียงลูกชายมาทำงานอยู่กับลูกพี่เขาเท่านั้น และพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง ยอมรับว่าลูกชายมีนิสัยอารมณ์ร้อน ลูกชายยังโทรคุยกันช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุเมื่อวานแต่ก็ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ ทราบเพียงจะทำงานเคาะพ่นสีรถยนต์กับลูกพี่ที่ชื่อสิงห์ ที่ผ่านมาไม่เคยบอกกล่าวเรื่องมีปากเสียงกัน ที่ผ่านมาทำงานมากับคนนี้นานพอสมควรและเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ ตนเองมีลางสังหรณ์ตากระตุกทั้งสองข้าง ส่วนสาเหตุตนเองคาดว่ามาจากเรื่องเมาแล้วมีปากเสียงกัน เรื่องเงินตนเองไม่ทราบเพราะลูกชายไม่เคยบอก ยอมรับว่าตอนนี้เสียใจพูดอะไรไม่ออกและอยากบอกผู้ก่อเหตุให้ออกมามอบตัวตนเองในฐานะแม่พร้อมอโหสิกรรมผู้ก่อเหตุ
