ผบช.ทท. ร่วมประชุมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเรื่องมาตรการต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น (High Season) คาดน่าจะเป็นไปตามเป้าของรัฐบาล และเเถลงข่าวจับกุมไกด์เถื่อน ด้านผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า หากพบการกระทำความผิดในเรื่องของไกด์เถื่อนหรือบริษัทท่องเที่ยวต่างๆที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ที่ทางศูนย์ท่องเที่ยว หมายเลข 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อเวงลา 11.00 น.วันที่ 20 กันยายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ชมรมมัคคุดเทศก์ พร้อมข้าราชการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว เรื่องมาตรการต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น (High Season) และ เเถลงข่าวในการจับกุมไกด์เถื่อน
ข่าวน่าสนใจ:
- สูงวัยตรัง ปลื้ม เตรียมตัวรับเงินหมื่น ฝันใช้ยามแก่-ต่อยอดอาชีพบั้นปลาย
- ธุรกิจโก-ลกเริ่มหวั่น! นทท.ลดฮวบ-หลังมาเลย์ดีเดย์ 1 ธค.เข้า-ออกผิดกฎหมาย - จับทันที
- ตร.น้ำกระบี่ บุกรวบ 3 ลูกเรือประมง ยึดยาบ้า พบมั่วสุมเสพ ก่อนออกจับปลา
- ชมคลิป-เตรียมเที่ยวงาน 10 ชาติพันธุ์ ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในรูปแบบใหม่ ชมขบวนแห่กลุ่มชาติพันธุ์อลังการ
โดย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า วันนี้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้บูรณาการความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในส่วนของหน่วยสำคัญก็เป็นกรมการท่องเที่ยว ททท. และมีในส่วนของแอสตร้าชมรมมัคคุเทศก์ ที่ผ่านมาได้มีการทำงานร่วมกับองค์การท่องเที่ยวและ ททท. มีการจับกุมในปีที่ผ่านมาสูงขึ้น 68% ใน พรบ.ความผิดที่กระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในเรื่องของไกด์เถื่อนทัวร์ด้อยคุณภาพ ทัวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ไปจนถึงในเรื่องของการกระทำความผิดธุรกิจอำพราง สิ่งนี้ทางกรมการท่องเที่ยวในฐานะนายทะเบียนก็ได้ใช้อำนาจในเรื่องการเพิกถอนพักใช้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของชมรมมัคคุเทศก์ มีคดีที่สำคัญที่ผ่านมาทางชมรมมัคคุเทศก์ของที่อินโดนีเซีย ได้ทำการแจ้งมาทางตำรวจท่องเที่ยวและกรมการท่องเที่ยวได้ทำการสืบสวนอยู่สามวันแล้วได้มีการจับกุมในเคสนี้ไปส่งที่ สน. พระราชวัง ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้การรับสภาพ
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวต่อว่า ภาพรวมกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการที่จะรับไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของเรา ก็ฝากพี่น้องผู้ประกอบการต่างๆในเรื่องของการเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้มีความประทับใจ ซึ่งก่อนปีใหม่และช่วงไฮซีซั่น เราจะมีแอปพลิเคชั่น ไทยแลนด์ทูลิสต์ ที่สามารถจะดาวน์โหลดเข้ามา จะเป็นช่องทางในเรื่องของพิกัดของนักท่องเที่ยวสามารถใช้ Sos ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเราก็จะแจ้งตำรวจเราร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องไปอำนวยความช่วยเหลือให้กับนักท่องเที่ยว อันนี้เป็นเรื่องแรก ในเรื่องที่สองเรามีในส่วนของชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ที่เรามีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนในชุมชนท่องเที่ยวที่สำคัญที่เป็นแลนด์มาร์กของประเทศไทย ในส่วนตรงนี้เราสามารถเชื่อมข้อมูลบุคคลที่มีหมายจับสามารถจับกุมได้เลย ส่วนการจับกุมคนร้ายในแหล่งท่องเที่ยวเราสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับแหล่งท่องเที่ยวของเราได้อีก ส่วนนึงก็คือเตรียมรับในส่วนของไฮซีซั่นและปีใหม่เช่นกัน แต่เดิมของเราที่ศูนย์ 1155 เรามี 5 ภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย แต่เนื่องจากว่าในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยว 3 สัญชาติ คือ อินเดียฝรั่งเศส เยอรมัน เพิ่มมาเป็นเท่าตัว ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งว่ามียอดค่าใช้จ่ายเป็น 100,000 ล้านบาทนสามสัญชาติเราก็เลยขอทางกระทรวง ก็จะเป็นเพิ่มอีกสามภาษาสำหรับปีใหม่ก็จะรวมกันเป็นแปดภาษาเพื่อเทียบความพร้อมในการอำนวยการสะดวกให้ความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยว ซึ่งในปีนี้ขณะนี้เราก็น่าจะผ่าน 28,000,000 คน ล่าสุดในช่วงของไฮซีซั่นก็น่าจะเป็นไปตามเป้าของรัฐบาล 35,000,000 คน ตามเป้า
นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ปัญหาไกด์เถื่อนก็เป็นปัญหาสำคัญ ที่เราได้พบเห็นกันทั่วไปตามสื่อต่างๆที่ออกข่าวไป กรมการท่องเที่ยวในฐานะที่เป็นกำกับดูแลราชบัญญัติธุรกิจมัคคุเทศก์ ก็จะมีนายทะเบียนซึ่งมีอำนาจในการที่จะกำกับดูแลแล้วก็อนุญาตในการที่จะสอดส่องดูแลด้วยกันการจะไปตรวจจับไกด์เถื่อนก็ยอมรับว่าต้องหาอาศัยความร่วมมือกับทางกองตำรวจท่องเที่ยวซึ่งมีกำลังพลมีสถานีอยู่ทั่วประเทศ ในการที่จะเข้าไปจับกุม ในส่วนของการจับกุมก็เป็นส่วนที่เป็นไปตามเหตุแต่ว่าต้นเหตุก็อยากให้ทางผู้ประกอบการหาไกด์ต่างๆ ที่ได้รับการอบรมมา ได้ผ่านอบรมได้รับทราบข้อกฎหมายต่างๆในแนวปฏิบัติระเบียบมาตรฐานต่างๆ ขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยเคร่งครัดในส่วนของไกด์เถื่อน ซึ่งเป็นไกด์ต่างชาติ ที่เข้ามาเราพยามที่จะขอความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นไกด์ด้วยกันเองหรือบริษัททัวร์ได้ช่วยแจ้งเบาะแสมาที่กรมการท่องเที่ยวหรือท่องเที่ยวเพื่อเราสามารถที่จะไปถึงเป้าหมายที่สูงสุดมากขึ้น อันนี้ต้องขอความร่วมมือ แล้วถ้ามีข้อมูลชัดเจนอย่างที่เป็นข่าวเมื่อวันสองวัน เราก็จับได้ แต่ว่าในการจับนั้นบางครั้งมันต้องใช้เวลานิดนึง บางครั้งจะไปกล่าวหาว่าเขาเป็นไกด์เถื่อนมันจะกล่าวหาลอยๆ ไม่ได้มันจะต้องติดตามพฤติกรรมแต่ต้องมีการเก็บภาพเก็บหลักฐานต้องใช้เวลา เพราะว่าเราไม่ได้ละเลยแต่เราทำเต็มที่
ซึ่งไกด์เป็นอาชีพสงวนของคนไทยต้องเป็นสัญชาติไทยเท่านั้นแล้วก็ทุกวันนี้เรามีไกด์ที่มีบัตรอยู่ประมาณ 50,000 ใบซึ่งก็จริงๆ แล้ว 50,000 ใบก็ไม่ได้ทำหน้าที่ทั้งหมดบางท่านก็มีไว้แต่ไม่ได้ทำอาชีพนั้นแต่ก็อาจจะมีบางภาษาที่อาจจะขาดแคลน ในส่วนของการกำกับดูแลหรือการแจ้งข่าวก็อย่างที่เราทราบเป็นพื้นฐานว่าต่างชาติ ประกอบอาชีพไกด์ไม่ได้ ต้องคนสัญชาติไทยและมีบัตรเท่านั้น ถ้าพบเห็นว่าต่างชาติประกอบอาชีพนี้ทำหน้าที่นี้ แจ้งมาได้เลย เราสามารถที่จะดำเนินการจับกุมตามกฏหมายได้ มีโทษทางอาญาไกด์เถื่อนโทษแรง ก็ขอเตือนไปด้วย ไกด์เถื่อนที่ทำอยู่ตอนนี้มันก็จะมีลักษณะที่เป็นทัวร์ต่างชาตินะ ซึ่งลักษณะของคนที่เป็นไกด์เถื่อนบางครั้งเค้าจะสื่อสารกันได้ดีกว่า ในการอธิบายการนำเสนอต่างๆมันจะดีกว่าที่เป็นไกด์ไทยแล้วก็พูดภาษาเดียวกัน เหตุนี้มันก็ทำให้มีไกด์เถื่อนปะปนกับกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติส่วนใหญ่ส่วนใหญ่ก็จะมาในแนวนี้
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวปิดท้ายว่า หากพบการกระทำความผิดในเรื่องของไกด์เถื่อนหรือบริษัทท่องเที่ยวต่างๆที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ที่ทางศูนย์ท่องเที่ยว หมายเลข 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: