เปิดใจผู้ที่รอดตายในรถ เหตุวัยรุ่นสองกลุ่มเปิดฉากไล่ยิงกันสนั่นกลางถนน ด้านผู้การปากน้ำ แถลงคืบหน้าทางคดี มุ่งเป้าปมเหตุขัดแย้งเรื่องยาเสพติด เบื้องต้น วันนี้จะออกหมายจับ 2 คน คนแรกเป็นหัวหน้าทีมมือปืนชื่อ นายโชค อีกราย คือคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์พาไปยิง
จากกรณีที่มีเหตุวัยรุ่นสองกลุ่มเปิดฉากไล่ยิงกันสนั่นกลางถนนสายศรีวารีน้อย ในพื้นที่ตำบลศีรษะจระเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงสามทุ่มครึ่งของวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย สาหัส 4 ราย
ข่าวน่าสนใจ:
- ชาวบ้านยังผวา บ้านสไลด์ตกน้ำบางปะกงตามกัน ไม่กล้าออกไปทำกิน
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- เปิดบริการแล้ว MFU Wellness Center มฟล. ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
เมื่อช่วงสาย วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ทีมข่าวเราลงพื้นที่ที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยเราไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่รถเก๋งแคมรี่ของกลุ่มผู้ตายขับหนีการไล่ล่าการยิงใส่ของกลุ่มมือปืน จากภาพวงจรปิดริมถนนในซอยคลองบางนา ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุบนถนนสายหลักประมาณ 3.5 กิโลเมตร พบว่ารถเก๋งแคมรี่สีขาวขับผ่านกล้องไปด้วยความเร็ว โดยมีรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่มีพยานออกมาระบุว่าเปิดฉากไล่ยิงใส่ท้ายรถเก๋งแคมรี่ และนอกจากนั้นยังมีรถเก๋งเอนกประสงค์โตโยต้าสีขาวรวมถึงรถเก๋งเอนกประสงค์ อีซูซุ ที่ปรากฏตามคลิปมือถือที่ชาวบ้านถ่ายไว้ได้ในขณะที่ลงมือก่อเหตุตามประกบยิงซ้ำอีกหลายนัด ขับไล่ล่ากันผ่านกล้องทั้งสองมุมภายในซอยคลองบางนา ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมจะเห็นว่ามีรถเก๋งเอนกประสงค์โตโยต้าขับนำหน้าชะลอฝ่ายของรถเก๋งแคมรี่สีขาว ไม่กี่วินาทีต่อมาภาพมุมเดิมจับภาพได้ในขณะที่รถเก๋งอีซูซุขับตามประกบข้าง ซึ่งจังหวะนั้นคาดว่ารถเก๋งแคมรี่นั้นถูกยิงจนคนในรถนั้นบาดเจ็บรวมถึงยางรถล้อหลังข้างขวาแตกจนล้อขูดกับพื้นถนน กระทั่งไปหยุดรถตรงที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากจุดนี้ไปเพียง 1 กม
ที่บริเวณหน้า สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 1 ตำรวจภูธรภาค 1 เข้าเก็บหลักฐานและตรวจร่องรอยวิถีกระสุนจากรถคันเกิดเหตุทั้ง 2 คัน เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการออกหมายจับผู้ก่อเหตุ และสอบพยานอีก 3 ปาก ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายที่เข้าไปรับผู้ตายออกมาจากบ้านในคืนที่เกิดเหตุ
นาย สุทร เวียนระวัง 66 ปี พ่อตาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกเขยปกติเป็นคนดี ไม่มีศัตรูกับใคร เป็นคนรักเพื่อน ช่วงหลังลูกเขยตนตกงาน ทราบมาว่าคืนวันเกิดเหตุเพื่อนของลูกเขยเข้ามารับที่บ้าน ลูกเขยก็บอกกับเมียเค้าว่าจะออกไปข้างนอก แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน ไปทำอะไร ทราบอีกทีก็ถูกยิงแล้ว ทางครอบครัวก็มืดแปดด้านไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนก่อเหตุ วันนี้เดินทางมาโรงพักเพื่อจะมารับศพลูกเขยไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัด ย่านอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี
ต่อมาเมื่อช่วงเที่ยง ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รักษาการ ผบช.ภ.1 / พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รองผู้บังคับการ / พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผู้กำกับ สภ.บางเสาธง / และ นายศรายุทธ์ ไชยกอง นายอำเภอบางเสาธง ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้าทางคดี โดยระบุว่า เหตุเกิดเมื่อช่วง 21.30 น. วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มความขัดแย้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ถูกจ้างให้มาชี้เป้าและมาอุ้ม ซึ่งทีมชี้เป้าขับรถยนต์โตโยต้าแคมรี่สีขาวมาด้วยกันจำนวน 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน และคนขับชื่อ นายประพจน์ จิตตกูล อายุ 30 ปี ชาว อ.พานทอง จ.ชลบุรี ถูกยิงเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ และทีมอุ้มโดยสารมากับรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่น สเปซวากอน สีเทา มี 4 คน ถูกยิงบาดเจ็บ 2 คน ส่วนอีก 2 คนหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ รวมถึงคนขับขี่รถจักรยานยนต์นำทางอีก 2 คน ดังนั้นทีมชี้เป้าและอุ้มมีรวมทั้งหมดคือ 11 คน ส่วนทีมที่จะเป็นผู้ถูกอุ้มแต่พลิกกลับเป็นทีมล่าสังหาร มีด้วยกันรวม 5 คน ใช้รถยนต์ก่อเหตุจำนวน 3 คัน สีขาว 2 คัน สีแดง 1 คัน ใช้อาวุธปืนยาว 1 กระบอก ปืนสั้น 3 กระบอก
เบื้องต้น จากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาได้ทั้งภาพกล้องวงจรปิดและหลักฐานอื่น ๆ วันนี้จะออกหมายจับ 2 คน คนแรกเป็นหัวหน้าทีมมือปืนชื่อ นายโชค อายุประมาณ 27-30 ปี อีกราย คือคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์พาไปยิง ส่วนปมปัญหาเกิดจากความขัดแย้งเรื่องยาเสพติด ซึ่งเดิมนายโชค ต้องเป็นเป้าหมายที่จะต้องถูกอุ้ม แต่หนึ่งในทีมชี้เป้า รู้จักนายโชคจึงแจ้งเรื่องให้รู้ กระทั่งมีการซ้อนแผน แล้วล่อทีมชี้เป้าและอุ้มเข้ามาในซอย อบต.ศีรษะจรเข้น้อย ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยวและลงมือเปิดฉากยิงเข้าใส่โดยที่ยังไม่มีการพูดคุย จนเกิดการสูญเสียดังกล่าว โดยทั้งสองกลุ่มเป็นคนที่อยู่นอกพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่นัดหมายกันมาก่อเหตุในพื้นที่อาจเพราะจุดนั้นเป็นพื้นที่ลับตา และหลังจากรวบตัว 2 คนนี้ได้ ผู้ก่อเหตุรายอื่น ๆ ก็ต้องถูกดำเนินการต่อไปอย่างไม่ละเว้น
ขณะที่ นาย ฟิน หนึ่งในผู้ที่นั่งโดยสารมาในรถแคมรี่ เล่าวินาทีรอดตายมาได้ให้ฟังว่า ตอนนั้นนั่งอยู่ที่เบาะหน้าฝั่งซ้ายข้างคนขับ หลังจากที่รถถูกยิงยางจนไปต่อไม่ได้และถูกอีกฝ่ายตามประกบพอมือปืนลงมาจากรถซึ่งมีทั้งปืนยาวและปืนสั้นได้เปิดฉากกระหน่ำยิงอีกหลายนัด ตอนนั้นตนเองตัดสินใจแกล้งตาย ทำให้มือปืนใช้ด้ามปืนยาวทุบกระจกฝั่งซ้ายจนแตกแล้วใช้ด้ามปืนตบที่หน้าตนเองเพื่อดูว่าตายหรือยัง ซึ่งตอนนั้นตนเองได้แต่นิ่งทำเป็นว่าตาย จนพวกนั้นพูดออกมาว่าตายหมดทั้งคันแล้วไปเถอะก่อนจะพากันแยกย้ายหลบหนี
ด้าน นาย คิว หนึ่งในผู้ที่นั่งมาในรถแคมรี่เช่นกัน บอกกับนักข่าวว่า ตนเองยอมรับว่าทราบดีว่ามีการว่าจ้างให้มาทำงานนี้ โดยมีการว่าจ้างทีมของตนเอง ในราคา 3 หมื่นบาท เพื่อให้ตามหาและชี้เป้านายโชคหรือฉายากำนันโชค ซึ่งตนเองรับงานเมื่อช่วงห้าโมงเย็นที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รูปนายโชคมา ตนเองไม่รู้จักกับนายโชค และไม่เคยเห็นหน้าทราบเพียงว่าอยู่ไม่ไกลจากซอยวัดศรี จึงลองติดต่อรุ่นน้องที่รู้จักกันในพื้นที่ แล้วส่งรูปนายโชคให้รุ่นน้อง จนกระทั่งมีการนัดหมายให้มาเจอกันที่ตลาดศรีวารี พอมาถึงก็ถูกรุ่นน้องที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มากับเพื่อนอีกคันบอกว่าจะนำทางไปหาเป้าหมาย ด้วยความไว้ใจและไม่คิดว่าจะถูกรุ่นน้องคนนี้หักหลังจึงพากันตามรุ่นน้องคนนี้ไปในซอยเปลี่ยวจนกระเข้าไปเจอกลุ่มของนายโชคดักรออยู่ก่อนแล้ว พอเจอรถอีกฝ่ายและยังไม่ทันจอดรถก็ถูกเปิดฉากยิงใส่จนต้องพากันหนีตายอกมา แล้วถูกตามไล่ยิงมาตลอดทางด้วยปืนหลายกระบอก ส่วนตนเองที่รอดตายมาได้หลายครั้ง ตนมีความเชื่อเพราะแขวนพระท้าวเวสสุวรรณของวัดจุฬามณี
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลังจากพนักงานสอบสวนภายใต้การควบคุมกำกับสำนวนคดีและพยานหลักฐานจาก พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ด้านงานสอบสวน ลงมาคุมสำนวนคดีและตรวจสอบพยานหลักฐานด้วยตัวเอง เพื่อให้พนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง รวบรวมพยานหลักฐานเสนอขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยล่าสุดมีรายงาน ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้อนุมัติหมายจับ ที่ 904/2567 และ หมายจับที่ 905/ 2567 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ให้ติดตามจับกุมตัวสองผู้ต้องหา ประกอบด้วย นาย นำโชค พวงภู่ หรือฉายา กำนันโชค อายุ 27 ปี และ นาย วิริยะ มาลัย หรือเก๋า อายุ 19 ปี ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง , ร่วมกันพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควรโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือชุมชน โดยล่าสุดมีรายงานสำหรับผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ ได้หลบหนีออกนอกพื้นที่หลังก่อเหตุตั้งแต่เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา โดยฝ่ายสืบสวนได้กระจายกำลังเร่งล่าตัวแล้ว
สำหรับ นายโชค หรือ ฉายา กำนัน โชค ถือเป็นบุคคลอันตรายและเป็นหัวหน้าแก๊งที่พากันไปก่อเหตุเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีการใช้อาวุธยาวชนิดปืนสงครามหลายกระบอก โดยหลังจากที่ นายวิริยะ หรือ เก๋า ซึ่งเป็นเพื่อนของ นายคิว หนึ่งในห้าคนที่นั่งมาในรถเก๋งแคมรี่ ได้รับการติดต่อสอบถามว่ารู้จักกับ นายโชค หรือไม่ ซึ่งมีการรับใบสั่งมาว่าให้มาชี้เป้าเพื่อดักอุ้มตัว นายโชค นายเก๋า ซึ่งเป็นลูกน้องของ นายโชค อยู่แล้ว โดยที่ นายคิว ไม่ทราบมาก่อน แต่ที่ผ่านมาเคยรู้จักและเป็นเพื่อนกันมาก่อน ทำให้นายคิวเชื่อใจ จึงติดต่อสอบถามมายังนายเก๋า พอนายเก๋าทราบเรื่อง จึงนำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับนายโชค ทำให้นายโชคจึงระดมพรรคพวกและอาวุธปืนหลายกระบอก พร้อมวางแผนดักซุ่มโดยกำหนดจุดให้และใช้ นายเก๋า เป็นนกต่อให้กลุ่มของนายคิว และพวกมาหายังจุดนัดหมาย จนกระฝ่ายของ นายคิว พากันขับรถเก๋งแคมรี่มาถึงยังจุดนัดหมายภายในซอยคลองบางนา ฝ่ายของ นายโชค จึงเปิดฉากยิงใส่ ก่อนที่จะโดดขึ้นรถจักรยานยนต์ของ นายเก๋า นกต่อที่พารถแคมรี่เข้ามาหา เพื่อขี่รถจักรยานยนต์ใช้ปืนยาวไล่ยิงตามหลังอีกหลายสิบนัด
โดยตามรายงานของแหล่งข่าว ระบุว่า ตัว นายโชค เอง มีการไปหักเรื่องยาเสพติดกับนักค้ายารายใหญ่ทางภาคอีสานซึ่งมีรายงานจำนวนยาถึง 600,000 เม็ด จึงมีการติดต่อว่าจ้างผ่านทาง นายโจ้ ให้รับงานดักอุ้ม นายโชค ไปเคลียร์ปัญหาเรื่องยาเสพติดที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน โดยว่าจ้างแบ่งงานสองทีม ทีมหนึ่งคือฝ่ายรถเก๋งแคมรี่สีขาว ทำหน้าที่ชี้เป้า อีกทีมคือมิซูบิชิ สเปซวากอน ทำหน้าที่ดักอุ้มไปส่งจุดหมาย แต่การติดต่อผ่านทางนกต่ออย่าง นายเก๋า ซึ่งอีกฝ่ายเชื่อใจและไม่คิดว่าจะกลายเป็นลูกน้องของ นายโชค จึงทำให้ นายโชค ไหวตัวทันและวางแผนลวงมาฆ่า
โดยคดีนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ในระหว่างขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเด็ดขาด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: