หนุ่มเมียนมา อายุ 48 ปี ทะเลาะกับ หนุ่มเมียนมาอายุ 35 ปี ก่อนจะคว้ามีดทำครัวแทงใส่ หนุ่มเมียนมาอายุ 35 ปี จนไส้ทะลักออกมา เจ้าหน้าที่กู้ชีพเร่งปฐมพยาบาลรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เหตุเกิด ภายในแคมป์พักคนงานแห่งหนึ่ง บริเวณตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2567 ร.ต.ท.ทศพล ยศศรีใจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางปู ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ภายในแคมป์พักคนงานแห่งหนึ่ง บริเวณตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลศิครินทร์สทุทรปราการ และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะแคมป์พักคนงาน 2 ชั้น มีรั้วรอบ ที่ระเบียงชั้นที่ 2 พบ นาย เนีย ออง ( MR.NAY AUNG ) อายุ 35 ปี ชาวเมียนมา นอนรอความช่วยเหลืออยู่บริเวณหน้าห้องพัก มีบาดแผลถูกของมีคมแทงบริเวณสีข้างซ้าย 1 แผล ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล และข้อศอกซ้ายอีก 1 แผล รวม 3 แผล เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ ในที่เกิดเหตุ ตรงบริเวณทางขึ้นบันได พบตะกร้าเครื่องอาบน้ำ ผ้าโสร่ง และมีดทำครัวด้ามจับหัก ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร เปื้อนเลือด ตกอยู่ที่พื้น ส่วนผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวเอาไว้แล้ว ทราบชื่อ นาย แนน ออง ( MR.NAN AUNG ) อายุ 48 ปี ชาวเมียนมา ไม่สามรถพูดไทยได้
จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ผู้บาดเจ็บได้มีปากเสียงและเกิดการทะเลาะวิวาทกับผู้ก่อเหตุภายในแคมป์พักคนงาน ก่อนจะถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด
จากการสอบถาม นาย จอ อู อายุ 42 ปี ชาวเมียนมา เพื่อนคนเจ็บ เล่าว่า ตนนอนอยู่ตนไม่รู้เรื่องอะไร ตื่นมาก็เจอว่ามีคนบาดเจ็บ คนเจ็บเป็นคนนิสัยดีพูดจาดี แต่เวลาเมาจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง พวกเขาคงจะนั่งกินนั่งดื่มกันในแคมป์ แล้วก็มีเรื่องกัน ตนไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ
ด้าน นายนายชุมพล ตระกูลมา อายุ 36 ปี ผู้พักอาศัยที่อยู่ชั้นล่าง เล่าว่า เขา 2 คนไม่ถูกกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เป็นสัญชาติพม่าทั้งคู่ แต่เขาทำงานที่เดียวกัน วันนี้เขาทั้ง 2 คนเมา แต่ไม่ได้กินด้วยกัน ตอนแรกพวกตนจะจับแยกแต่แยกไม่ทัน ส่วนคนก่อเหตุถูกจับไปโรงพักแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมด้วยอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุไปที่โรงพักเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
