ชมรมบันใดบุญ เดินทางไปจัดกิจกรรมปีใหม่ให้เด็กนักเรียนออจีสติก ที่โรงเรียนวัดด่านสำโรง ซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่รับสอนเด็กพิเศษ พร้อมนำหมวกกันน๊อก ที่ประชาชนร่วมบริจาคมามอบให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ วินสามแยกเทพารักต์ เพื่อให้ผู้โดยสารสวมใส่ระหว่างใช้บริการของวินจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อความปลอดภัยในช่วงเทศการปีใหม่ 2562
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 ธันวาคม 2561 นาย สุภชัย วันเดียยา พร้อม คณะผู้บริหารชมรมบันใดบุญได้ร่วมกันน้ำอาหารและขนมร่วมทั้งของขวัญปีใหม่ไปจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กพิเศษหรืออทิสติก ที่โรงเรียนวัดด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 120 คนซึ่งเป็นเด็กที่มีความผิดปกติด้านพัฒนาการและร่างกายพัฒนาช้ากว่าเด็กปกติที่ทางโรงเรียนวัดด่านสำโรง ได้เปิดหลักสูตรพิเศษสอนเด็กพิเศษเล่านี้เป็นโรงเรียนแรกของจังหวัดสมุทรปราการ โดยได้รับการสนับสนุนบุคลากรในการเรียนจากสอนจากสำนักงานพื้นที่การศึกษาขั้นพื้นฐาน เขต 1 จังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดส่งบุคลากรมาช่วยในการจัดสอนนักเรียนซึ่งเป็นเด็กพิเศษเหล่านี้ มานานกว่า 10 ปี เพื่อให้นักเรียนซึ่งเป็นเด็กพิเศษเหล่านี้ได้มีการพัฒนาการทางด้านสมองเท่าทันกับเด็กปกติทั่วไป ซึ่งทางชมรมบันใดบุญได้ให้ความสำคัญตลอดมา ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่จึงได้นำอาหารคาวหวานมาจัดเลี้ยงเด็กพิเศษและผู้ปกครอง ร่วมทั้งจัดหาของขวัญมามอบให้เพื่อเป็นแรงใจให้น้องซึ่งเป็นพิเศษเหล่านี้ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองผู้ใจบุญนำของขวัญและอาหารมาร่วมจัดเลี้ยงเด็กพิเศษเหล่านี้จำนวนมากสร้างความร่าเริงให้แก่เด็กพิเศษเหล่านี้ทำให้บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคักสนุกสนาน
หลังจากนั้นชมรมบันใดบุญ ยังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้นำหมวกนิริภัยหรือหมวกกันน๊อก ที่ประชาชนร่วมบริจาคมามอบให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ วินสามแยกเทพารักษ์ เพื่อเอาไว้ให้ผู้โดยสารสวมใส่ในระหว่างที่มาใช้บริการของวินจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อความปลอดภัยในช่วงเทศการปีใหม่ 2562
นางณัฐมน บุญเสริม หรือครูติ๊ก ประธานสายชั้นเด็กพิเศษ ได้กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงเรียนได้รับนักเรียนซึ่งเป็นเด็กพิเศษ ซึ่งมีการพัฒนาการทางสมองช้ากว่าเด็กปกติมาสอนอยู่จำนวน 124 คน โดยมีการแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือกลุ่มน้องที่เล็กที่สุดที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เราก็จะเอาไว้ที่กลุ่ม 1 เมื่อมีการพัฒนาการขึ้นมาเราก็จะแยกออกมาเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง และสุดท้ายก็คือห้องที่ 1 ก็คือน้องพร้อมที่จะไปสู่โลกภายนอก และก็ยังมีบางกลุ่มที่ยังต้องช่วยเพื่อน ซึ่งการพัฒนาการของเด็กโตขณะนี้เราสามารถส่งต่อเข้าเรียนใน ม.1 ได้แล้ว ซึ่งในปีนี้จะมีเด็กพิเศษจบใน ป.6 ทั้งหมด 14 คน และเราได้มีการประสานไปทางโรงเรียนปัญญานุกูลไว้ ซึ่งน้องจะต้องไปอยู่ประจำ ซึ่งผู้ปกครองจะไปรับกลับบ้านได้ในวันศุกร์ และส่งกลับไปที่โรงเรียนในวันอาทิตย์ จำนวน 4 คนและอีกส่วนหนึ่งก็จะเข้าอยู่ที่มัธยมด่านสำโรงและโรงเรียนวัดไตร ซึ่งขณะนี้เราทำสำเร็จไปแล้ว 2 คนที่สามารถไปเรียนอยู่กับเด็กปกติได้
ซึ่งความผิดปกติของน้อง ๆ เหล่านี้แบ่งออกเป็น 8 ประเภท ทั้งด้านการมองเห็นสายตา หูไม่ได้ยินต้องใช้เครื่องช่วย ด้านเรียนรู้ด้านสติปัญญา ด้านร่างกาย และก็ด้านออทิสติก ก็จะมีหลายประเภท มีทั้งทำร้ายตัวเอง นั่งร้องทั้งวัน เดินไปมา แต่ในที่สุดครูก็สามารถทำให้น้อง ๆ เหล่านี้เข้าเรียนได้โดยมีการประสานกับโรงพยาบาลยุวปราสาท เข้ามาประเมิลการพัฒนาการทางด้านสมอง ว่ามีการพัฒนาไปแล้วมากน้อยแค่นั้น
