เจ้าของร้านซ่อมโทรศัพท์ร้องสื่อ เผยภาพจากกล้องวงจรปิดขณะ ถูกขาใหญ่ย่านบางเสาธงใช้แกนโช๊คปาใส่ร้านและขู่ฆ่า แค่ฝากทวงค่าซ่อม
ภาพวงจรปิดบริเวณหน้าร้านและภายในร้านจำหน่ายและซ่อมโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งในตลาดไทยประกัน ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ที่บันทึกภาพขณะที่ชายฉกรรจ์อายุประมาณ 30-40 ปี ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายสมชาย หรือ เอ๋ ขาใหญ่ในพื้นที่ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นโซนิค สีฟ้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดที่หน้าร้านก่อนจะเดินลงมาจากรถโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าเหล็กแกนโช๊ครถจักรยานยนต์ที่พกติดตัวมาจำนวน 2 ท่อน ปาใส่เข้ามาในร้านถูกตู้โชว์โทรศัพท์จนแตกกระจายได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินปรี่เข้ามากำปั้นชกเข้าที่ใบหน้าของเจ้าของร้าน เคราะห์ดีที่ชายเจ้าของร้านหลบทันท่ามกลางสายตาของลูกค้าที่มาใช้บริการซึ่งหนึ่งในนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บางเสาธง นายหนึ่งมาใช้บริการอยู่ด้วย (เสื้อเทาขาวภายในคลิป) โดยทุกคนภายในร้านพยายามเข้าห้ามปราบแต่ นายเอ๋ ไม่สนใจและไม่เกรงกลัวกฎหมาย และทำท่าเอามือล้วงในกระเป๋าคล้ายจะหยิบอาวุธอะไรบ้างอย่างออกมา และพูดจาข่มขู่จะยิงถล่มร้าน ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ก่อนที่นายเอ๋ ผู้ก่อเหตุจะเดินกลับขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป หลังเกิดเหตุทำให้ผู้เสียหายและครอบครัวต่างพากันหวาดผวา และได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง เอาไว้แล้ว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.ของวันที่ 25 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
นายประสิทธิ์ ขอสงวนนามสกุล เจ้าของร้านที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.30น วันที่ 25 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการอยู่ภายในร้านอยู่นั้น จู่ ๆ คู่กรณีก็ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน และก่อเหตุดังกล่าวตามคลิปที่กล้องวงจรปิดบันทึกเอาไว้ได้ โดยก่อนหน้านั้นไม่นานตนได้บอกฝากเพื่อนของนายเอ๋ ผู้ก่อเหตุไปว่าให้นายเอ๋ ผู้ก่อเหตุมาจ่ายค่าซ่อมโทรศัพท์ที่ติดค้างไว้ประมาณพันกว่าบาท ซึ่งติดไว้นานนับเดือนแล้ว หลังจากฝากบอกเพื่อนของนายเอ๋ ไปไม่นาน นายเอ๋ ก็ได้มาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เพราะตนประกอบชีพสุจริต และเป็นสิทธิ์ที่ตนที่สามารถทวงถามค่าซ่อมจากผู้ก่อเหตุได้ หลังเกิดเหตุยอมรับว่าหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก รวมทั้งลูกเมียก็ขวัญผวาจนนอนไม่หลับ จึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาร้องต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีและชดใช้ค่าเสียหายในครั้งนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: