พ.อ.ประเทือง แก้วทุย รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสมุทรปราการ นายชนะ หงวนงามศรี ส.อบจ.สมุทรปราการ ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมคณะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบโรงานที่เคยสั่งอายัดของภายในโรงงาน หลังได้รับแจ้งจากสายว่ามีการลักลอบขนขยะอิเลคทรอนิคส์ที่ศาลสั่งอายัดไว้ ออกจากตัวโรงงาน
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 พ.อ.ประเทือง แก้วทุย รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสมุทรปราการ นายชนะ หงวนงามศรี ส.อบจ.สมุทรปราการ ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ กำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลคลองด่าน ได้ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจสอบโกดังเก็บขยะอิเลคทรอนิคส์ ไม่มีชื่อตั้งอยู่เลขที่ 418 หมู่ 1 ซอยปีกกา ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้สั่งอายัดของกลางขยะอิเลคทรอนิคส์ เอาไว้ตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมาเนื่องจากตรวจพบว่าที่โกดัง ดังกล่าวมีการลักลอบนำขยะอิเลคทรอนิคส์เข้ามาทำการคัดแยกโดยผิดกฎหมาย และวางกองขยะอิเลคทรอนิคส์ โดยไม่มีสิ่งปกคลุม ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและมลพิษทางน้ำ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านโดยรอบที่ประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลา หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มบุคคลนำรถเทรนเลอร์พ่วงเข้ามาลักลอบเคลื่อนย้ายของกลางที่ถูกศาลส่งอายัดอยู่ภายในโกดัง ดังกล่าวโดยใช้คีมตัดเหล็กมาตัดทำร้ายโซ่ที่คล้องล๊อคประตูเหล็กทางเข้าโกดังเอาไว้ ขณะเข้าตรวจสอบได้คนงานซึ่งมีสัญชาติกัมพูชาหลายคนกำลังช่วยกันขับรถโฟล์กลิฟท์ขนก้อนขยะอิเลคทรอนิคส์ขนาดใหญ่ที่อัดเป็นก้อนขึ้นบนท้ายรถบรรทุกพ่วงที่ถอยหลังเข้าไปจอดด้านในโกดัง โดยมีนายเส่ง แซ่แจ๋ว อายุ 40 ปี ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ร้องต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอคืนสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับขยะอิเลคทรอนิคส์ และศาลได้อนุญาตแล้ว แต่นายเส่ง ไม่มีหนังสือคำสั่งของศาลมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบที่ถูกยกขึ้นไปบนท้ายรถบรรทุกพ่วงนั้นมีขยะอิเลคทรอนิคส์ ที่ถูกสั่งอายัดไว้ปะปนอยู่ จึงได้สั่งระงับการขนย้ายและประสาน พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน ผกก.สภ.คลองด่านสมุทรปราการ และ พ.ต.ท.ชาติฎกาญ ทุมนัด รองผู้กำกับสอบสวน เดินทางมาร่วมตรวจสอบและเชิญตัวนายเส่ง มาทำการสอบปากคำและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน รอประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้แจ้งว่าเมื่อช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน ได้มีรถบรรทุกพ่วงที่บรรทุกสินค้าชนิดเดียวกันไปเต็มพ่วงท้ายรถวิ่งออกจากโกดังดังกล่าวไปแล้วคันหนึ่งมุ่งหน้าที่ทางจังหวัดชลบุรี โดยชาวบ้านได้ถ่ายรูปรถและป้ายทะเบียนมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน
