ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีกลุ่มคนจำนวนกว่า 30 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังตกเป็นเหลือถูกหลอกให้จ่ายเงินเพื่อไปทำงานที่เกาหลี แต่ถึงเวลากลับไม่ได้บิน สูญเงินกว่า 3 ล้านบาท
เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 24 มกราคม 2561 ได้มีกลุ่มประชาชนจากจังหวัดนครราชสีมากว่า 30 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้จ่ายเงินเพื่อไปทำงานที่ประเทศเกาหลี แต่ถึงเวลากลับไม่ได้บิน
ข่าวน่าสนใจ:
- “ปลายฝน ต้นหนาว เคาท์ดาวน์ มิวสิคเฟส สุราษฎร์ธานี” ไฮไลท์ประกวดควายไทยมูลค่ากว่า 10 ล้าน
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขานรับนโยบายกระทรวงคมนาคม พร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- นครพนม : หมอสงค์ หมอผู้สร้าง เปิดตัวสมัครนายก อบจ.นครพนม พร้อม ส.อบจ.นครพนม
นายสมใจ ชอบสวน อายุ 39 ปี หนึ่งในผู้เสียหายได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนและพรรคพวกรวม 36 คน ได้รับการชักชวนจาก นางประพิศ คำมา อายุ 49 ปี ให้ไปทำงานเกี่ยวกับการเกษตรที่ประเทศเกาหลี แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางและทำเอกสารคนละ 65.000 บาทถึง 90,000 บาท โดยจะได้รับเงินเดือน เดือนละ 4-6 หมื่นบาทต่อคน ประกอบกับช่วงนี้ที่บ้านที่พวกตนพักอาศัยอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาก็ไม่ค่อยมีงานทำ จึงได้พากันไปกู้เงินมา บางรายเอาที่นาไปจำนองเพื่อที่จะเอาเงินมาจ่ายค่าเดินทางและทำเอกสาร โดยทุกคนได้โอนเงินให้นางประพิศ ที่คนชักชวน เพื่อให้นำไปจ่ายกับคนที่รับติดต่อเดินเรื่องตั๋วเครื่องบินและเอกสารการเดินทาง และแจ้งว่าคนที่ทำเอกสารนัดให้เดินทางมาขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวานนี้ พวกตนทั้งหมดจึงได้เหมารถตู้เดินทางมาจากจังหวัดนครราชสีมา เพื่อจะมาขึ้นเครื่องบินเดินไปทำงานที่ประเทศเกาหลี แต่จนถึงบัดนี้พวกตนก็ยังไม่ได้รับเอกสารหรือเดินทางกันแต่อย่างใด จึงพร้อมใจกันเดินทางเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้
ขณะที่นางประพิศ (เสื้อสีส้ม) คนที่ชักชวน ได้ให้การว่า ตนเองได้รู้จักการหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ ออย ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากตนเองค้าขายอยู่ภายในห้างดังกล่าว และหญิงสาวคนที่ชื่อ ออย ได้ชักชวนให้ตนช่วยหาคนไปทำงานเกษตรที่ประเทศเกาหลี โดยจะได้ค่าตอบแทนทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางหาคนงานตามหมู่บ้าน และได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลี ในฐานะนักท่องเที่ยวอีกด้วย ตนช่วยหาคนไปทำงานที่เกาหลีให้ โดยนางสาว ออย ยังอ้างว่าตนเองเป็นน้องสาวของเจ้าของสวนที่ไปแต่งงานกับคนเกลาหลี และต้องการหาคนงานไทยไปทำงานที่สวนแห่งนี้ พร้อมส่งรูปถ่ายสวนและคนงานที่อ้างว่าเคยได้ไปทำงานอยู่มาให้ตนดู ตนจึงได้ตระเวนหาคนงานตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อหวังหัวคิวและได้ไปเที่ยวที่เกาหลี หลังจากที่ได้คนงานและเงินมาแล้ว นางสาวออย จะให้นำเงินทั้งหมด โอนผ่านบัญชีของนางสาวละมัย ซึ่งอ้างว่าเป็นพนักงานด้านบัญชีของทางบริษัทในประเทศเกลาหลี เพื่อใช้ทำเอกสารด้านการเดินทาง เวลาผ่านไป 4 เดือน ตนหาคนที่จะไปทำงานได้ทั้งหมด 47 คน และจ่ายเงินให้นางสาวออย ไปแล้วรวม 3,290,000 บาท หลังจากโอนเงินเสร็จ กลุ่มของนางสาวออย ก็จะให้พาคนที่จะไปทำงานทั้งหมดไปทำพาสปอร์ต และจัดส่งพาสปอร์ตไปทางไปรษณีย์ไปยังบุคคลท่านหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี และช่วงบ่ายของวานนี้ ตนได้รับการติดต่อจากนางสาวออย ให้พาคนงานทั้งหมดมาเตรียมตัวขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกลาหลี แต่นางสาวออย ยังอ้างว่าต้องเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท เนื่องจากค่าตั๋วขึ้นราคา จึงจำเป็นต้องเก็บเงินจากกลุ่มคนไทยเพิ่มอีกหัวละ 2,000 บาทจนกระทั่งพากันเดินทางมาถึงยังสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เช้ามืดและรออยู่ที่สนามบินแต่ไร้วี่แววของนางสาวออย จึงพากันมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอคำปรึกษาในครั้งนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสำนักงานกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ด่านกักตรวจแรงงานสุวรรณภูมิ เข้ามารับเรื่องและให้ความช่วยเหลือ และสอบปากคำและบันทึกข้อความเตรียมประสานไปยังกรมการจัดหางานเพื่อเข้ามาดูแลเรื่องนี้ให้กับผู้เสียหาย เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายสูง อีกทั้งยังพบว่าทำเป็นขบวนการ โดยจะมีการขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการทุกรายที่เกี่ยวข้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: