ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยทหารและตำรวจ ร่วมกันจับกุมชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ คสช.และกอ.รมน. ยศร้อยโท คาสนามบิน หลังมาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าจับไกด์เถื่อน เจ้าหน้าที่พบพิรุธจึงเชิญตัวมาสอบปากคำและตรวจสอบ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าชายดังกล่าวเคยแอบอ้างใช้เครื่องหมายและเอกสารตราของรัฐ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวกองกำกับการ 3 ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันจับกุมตัว นายจารุง อรัญสุด อายุ 45 ปี ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของ คสช.และกอ.ร.มน. ยศร้อยโท มาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเพื่อให้เข้าไปจับไกด์เถื่อนในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ทางเจ้าหน้าที่เห็นพิรุธจึงเชิญตัวมาสอบปากคำ และตรวจสอบ พบบัตรประจำตัวของสังกัดต่างๆ จำนวนหลายใบ ทั้ง คสช. กอ.รมน. บัตรสมาคมผู้สื่อข่าว แต่เมื่อตรวจสอบไปยังต้นสังกัดไม่สามารถยืนยันการออกบัตรได้ อีกทั้งจากข้อมูลเชิงลึกพบว่านายจารุง ยังมีการแอบอ้างใช้เครื่องหมายและเอกสารตราของรัฐเพื่อปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารของทางราชการ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายจารุง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีในข้อหา มีและใช้เครื่องหมายของทางราชการโดยไม่รับอนุญาต
ข่าวน่าสนใจ:
ขณะที่เพื่อนของผู้ต้องหารายนี้ที่เดินทางมาด้วยและตรวจพบเอกสารบัตรในลักษณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวมาทำการสอบปากคำ และได้ให้รับสารภาพว่า บัตรดังกล่าวได้มานานแล้วโดยนายจารุง มาชักชวนให้ทำบัตรดังกล่าวโดยเสียค่าใช้จ่ายในการทำบัตรใบละ 1,500 บาท จึงจะได้บัตรดังกล่าวติดตัวมา
ด้าน พ.ต.อ. อำนาท โฉมฉาย เปิดเผยว่าการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้นายจารุง ได้อ้างตัวว่าตนเองมาจากตัวแทนของหน่วยงาน คสช.และ กอ.รมน.มาตรวจสอบไกด์เถื่อนผิดกฎหมายโดยขอทางตำรวจท่องเที่ยวอำนวยความสะดวกให้ หลังจากได้ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ เนื่องจากการปราบปรามไกด์เถื่อนนั้นตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมาตลอด อยู่แล้ว จึงขอตรวจสอบเอกสารและพบบัตรดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปยังต้นสังกัดกลับไม่พบว่ามีการออกบัตรในลักษณะเช่นนี้ จึงได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดีในข้อหา มีและใช้เครื่องหมายของทางราชการโดยไม่รับอนุญาต
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: