บิ๊กโจ๊กแถลงข่าว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย บุกเข้าช่วยเหลือสองชายไทย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายบังคับให้ร่วมกระทำผิดที่ประเทศมาเลเซีย หลังสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้กำทำความผิดบางส่วนหนึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย
เมื่อเวลา 22.30น.วันที่ 27 มกราคม 2561 ที่กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้แถลงข่าวการบุกเข้าช่วยเหลือชาวไทยที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายบังคับให้ร่วมกระทำผิดที่ประเทศมาเลเซีย โดยปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกับตำรวจมาเลเซีย หลังตำรวจชุดปฏิบัติของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศป.ฉปทน.ตร.) ได้ทำการสืบสวนขยายผล ทราบว่าปัจจุบันกลุ่มผู้กระทำความผิดส่วนหนึ่ง มีฐานที่ตั้งทำการโทรศัพท์ มาหลอกลวงประชาชนไทยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ประกอบกับ ก่อนหน้านี้ ทางชุดปฏิบัติการ สามารถจับกุม ขบวนการ Call Center ได้ผู้ต้องหา 40 คน จึงเชื่อมโยงกับเครือข่าย ที่เข้าจับกุมในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่จากสํานักงานตํารวจแห่งชาติมาเลเซียได้ร่วมกับ ตำรวจไทย บุกเข้าทลายแก๊งดังกล่าวซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ จนสามารถช่วยเหลือเหยื่อชาวไทย 2 ราย คือนายเก ศูนย์กลาง อายุ 39 ปี และนายอรรถกฤษ หล้าเชียงของ อายุ 23 ปี ทั้งสองคนเป็นชาวจังหวัดพะเยาว์ ที่ถูกหลอกให้ไปทำงาน ในมาเลเซีย โดยนายหน้าอ้างว่า ให้ไปทำงานในร้านอาหาร แต่เมื่อไปถึงกลับถูกหลอก ให้กระทำความผิดโดยการโทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทย แต่ทั้งสองคนไม่ยอมทำ จึงถูกทำร้ายร่างกายถูกเฆี่ยนตีด้วยสายไฟและถูกซ้อม จนร่างกายบอบช้ำ
รวมทั้งยังสามารถ จับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดที่ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวและใช้กำลังประทุษร้ายบังคับให้เหลือชาวไทยทั้ง 2 รายกระทำความผิด และจับกุม 3 ชาวไต้หวัน ประกอบด้วยนายซู อายุ 25 ปี นายโจว อายุ 22 ปี และนายหลิน อายุ 28 ปี นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาชาวมาเลเซียได้อีก 2 คน คือนายทัม อายุ 30 ปีและหญิงไม่ทราบชื่ออายุ 35 ปี รวม5 คน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ ทางการมาเลเซียอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เพื่อหาวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีส่วนเหยื่อชาวไทยทั้ง 2 รายขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียโดยมีกงสุลไทยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อสอบปากคำในฐานะพยานก่อนส่งตัวกลับมาประเทศไทย
ทั้งนี้ในส่วนของการหารือ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้มีข้อเสนอให้มีการจัดประชุมเรื่องเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างตำรวจมาเลเซียและตำรวจไทย ปีละ 2 ครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งหลังจากนี้ตน จะรายงาน เรื่องดังกล่าว ต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อีกครั้ง รวมถึงทางตำรวจมาเลเซีย ขอให้ไทยเร่งรัดการส่งตัวผู้เสียหาย ในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทางการไทยได้ช่วยเหลือ ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมากลับประเทศมาเลเซียโดยเร็วซึ่งหลังจากนี้ ตนก็จะประสานงานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการและอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเร่งรัดให้มีการสอบปากคำพยานล่วงหน้าก่อนจะนำตัว ผู้เสียหายชาวมาเลเซียทั้ง 3 คนส่งกลับประเทศต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: