พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ ไกรวชิรสิทธิ์ ผกก.สภ.พระประแดง ได้ร่วมกันมอบใบประกาศเกียรติบัตรให้กับ 3 พลเมืองดี ที่ช่วยแจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ได้ และยึดของกลางคืนผู้เสียหายได้ครบ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ห้องประชุมชั้น 5 สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ ไกรวชิรสิทธิ์ ผกก.สภ.พระประแดง ได้ร่วมกันมอบใบประกาศเกียรติบัตรให้แก่ 3 พลเมืองดี ที่ช่วยแจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ได้ และยึดขอกลางคืนผู้เสียหายได้ครบตามจำนวน ประกอบด้วยนายคาเล็ด ฮัสซัน อายุ 27 ปี พลเมืองดีที่สังเกตเห็นพฤติกรรมต้องสงสัยของนายบอย ซึ่งเป็นคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ ขณะนั่งอยู่บนรถประจำทางสาย 180 ที่วิ่งระหว่างสาธุประดิษฐ์ไปราม 2 และแอบดูเบอร์โทรที่มีคนโทรเข้ามาในโทรศัพท์ที่นายบอย ถืออยู่แต่ไม่ยอมรับสาย และโทรกลับไปตามหมายเลขที่แอบดูมาจนทราบว่านายบอย เป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือและรถจักรยานยนต์มาจากในย่านอำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ ก่อนที่จะบอกให้นางณฤดี อุสาห์ดี พนักงานเก็บผู้โดยสารของรถประจำทางสายดังกล่าวทราบและไปแจ้งให้นายไชยรัตน์ ศรีสวัสดิ์ พนักงานขับรถประจำทางคันดังกล่าว พามาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง บริเวณตู้อำนวยการจราจรสามแยกสุขุมวิท 62 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมเอาไว้ได้พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายที่นายบอย ถืออยู่ในมือและไปติดตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่จอดทิ้งไว้ที่บริเวณใกล้แยกคลองเตย
ข่าวน่าสนใจ:
- ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา>ชาวพุทธ+ทพ.48 ร่วมทอดผ้าป่า
- หนุ่มวัย 21 นัดเคลียร์กับรุ่นน้องวัย 16 แต่คุยกันไม่ลงตัวเกิดชกต่อยกัน ก่อนชักมีดแทงรุ่นน้องดับ
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568 มอบให้ทหารกองกำลังป้องกันชายแดน จ.สระแก้ว
พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้โดยเฉพาะนายคาเล็ด ซึ่งเป็นพลเมืองดีเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ เป็นคนที่มีปฎิพาลไหวพริบ พบเห็นผิดสังเกตบุคลิคของผู้กระทำผิดในคดีนี้ ซึ่งจากการแต่งกายไม่น่าจะใช้โทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงถึงขนาดนั้นและมีคนโทรเข้ามาก็ไม่ยอมรับสาย และใช้วิจารณ์ญาณของตัวเองในการสังเกตเบอร์ที่โทรเข้ามา และใช้โทรศัพท์ตัวเองโทรย้อนกลับไป จนกระทั้งทราบว่าโทรศัพท์เครื่องที่ผู้ก่อเหตุถึกอยู่ถูกขโมยมา และได้ไปประสานกับกระเป๋ารถประจำทางและคนขับก่อนพาไปส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และติดตามไปเอารถจักรยานยนต์ที่ผู้ก่อเหตุเอาไปจอดทิ้งไว้ในย่านคลองเตยกลับมาได้ ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประชาชนที่ช่วยกันดูแลสังคมด้วยกัน และเป็นการสร้างสังคมให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
นายคาเล็ด ฮัสซัน พลเมืองดี ได้เล่าว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหา ตอนที่ขึ้นรถเมล์ครั้งแรก จุดที่ตนนั่งจะเยื้อง ๆ กับผู้ต้องหาและมองเห็นโทรศัพท์มือถือที่ผู้ต้องหาถือยู่พอดี และผู้ต้องหาเองก็มีท่าทางที่มีพิรุธ คือโทรศัพท์โทรเข้ามาก็ไม่ยอมรับ และพยายามหาปุ่มปิดเสียงโดยการพริกโทรศัพท์ไปมา พยายามกดเข้าปุ่มต่าง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ตนก็นั่งสังเกตอยู่นาน ก่อนที่ตนจะแอบดูเบอร์ที่โทรเข้ามา เพราะสายที่ไม่ได้รับมีการการโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่า 10 สาย ผู้ต้องหาน่าจะปิดเสียงไม่เป็นคนรอบข้างก็เริ่มมองกันแล้ว ตนจึงได้แอบดูเบอร์ที่โทรเข้ามาโดยจำเลขครั้งละ 3 ตัว จนได้เลขมาครบจึงได้ใช้โทรศัพท์ของตัวเองโทรย้อนกลับไปหาคนที่โทรเข้ามาจนกระทั่งทราบว่าชายคนดังกล่าวก่อเหตุลักทรัพย์สินของตนมา จึงได้บอกให้พนักงานเก็บค่าโดยสารทราบก่อนที่จะไปบอกให้พนักงานขับรถเมล์คันที่นั่งมาพาไปหาตำรวจที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นแจ้งให้มาจับกุม
นางณฤดี อุสาห์ดี พนักงานเก็บผู้โดยสารของรถประจำทางสายดังกล่าว ก็คือขณะที่น้องเขายกมือเรียกให้ตนมา ตนก็เดินทางหาโดยที่ยังไม่ทราบว่ามีอะไร พอมาถึงน้องเขาก็บอกและชี้ให้ตนดูว่าชายคนนี้เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือคนอื่นมา คือตอนที่คนร้ายขึ้นมาบนรถครั้งแรกก็มายืนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงเสาทางขึ้น ตนก็เดินไปเก็บค่าโดยสารเขาก็จ่ายให้ตามปกติ ตอนที่ขึ้นจากป้ายแรกไม่คิดว่าเล่นโทรศัพท์คิดว่าน่าจะเล่นเกมส์มากกว่า ตอนที่ขึ้นมาชายคนดังกล่าวก็เหมือนผู้โดยสารปกติไม่มีกลิ่นเหลายหรือมาอาการเมาแต่อย่างไร หลังจากที่รู้เรื่องจากน้องที่เล่าให้ฟังตนก็เดินไปบอกคนขับว่าน้องผู้โดยสารมาบอกว่ามีคนร้ายที่ลักโทรศัพท์มานั่งอยู่บนรถ แต่เพื่อความมั่นใจตนได้เดินย้อนกลับมาสอบถามจากผู้ต้องหาว่าได้ไปลักโทรศัพท์คนอื่นมาใช้หรือเปล่าซึ่งผู้ก่อเหตุก็ยอมรับมาก่อเหตุมาจริง โดยบอกว่าล่วงเอามาจากกระเป๋าในย่านอำเภอพระประแดง
นายไชยรัตน์ ศรีสวัสดิ์ พนักงานขับรถประจำทางคันดังกล่าว ได้เล่าว่า หลังจากที่ทราบเรื่องจากพนักงานเก็บค่าโดยสารประจำรถแล้วตนก็ตั่งใจขับรถไปหาป้อมตำรวจซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดก็คือบริเวณสามแยกสุขุมวิท 62 โดยล๊อกประดูและวิ่งเปิดไฟผ่าหมากไว้เป็นสัญญาณ ทำให้รถคันที่ขับตามหลังมาบีบแตรตลอดทาง โดยมีน้องพนักงานเก็บเงินและน้องพลเมืองดีนั่งประกบผู้ต้องหาเอาไว้ และตนก็ขับรถข้ามไปขวางเลนซ้ายไว้และกระพริบไฟเพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่รถ แต่ก็ไม่ได้พลจนตนต้องบอกให้ชาวบ้านที่เดินอยู่บริเวณนั้นไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่รถและจับกุมผู้ต้องหาไปสอบสวนดำเนินคดีส่วนตนก็ขับรถไปส่งผู้โดยสารตามปกติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: