รอง ผบ.ตร. รุดเข้าติดตามความคืบหน้า พร้อมจำลองเหตุการณ์นักเรียน ม.3 ถูกฟันคอเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เผยรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และฝากถึงผู้ปกครอง หรือญาติ ขอให้นำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดมามอบตัวก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุม และจะเชิญผู้บริหารทั้ง 2 โรงเรียนมาประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่ สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณี นักเรียน ม.3 โรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการ ถูกฟันด้วยอาวุธมีดเข้าที่ลำคอจนเสียชีวิต และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย โดยมี พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมบรรยายสรุปโดย ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. จึงออกมาให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความจัดแย้งของนักเรียนสองโรงเรียน ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน รวมถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างบุคคล ในที่สุดจึงกลายเป็นความขัดแย่งกันระหว่างสถาบันขึ้น ระหว่างโรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ ซึ่งผู้ตายเรียนอยู่และโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ เหตุเพราะว่านักเรียนสองโรงเรียนได้เกิดเขม่นกันและมีการท่าทายกันทางเฟสบุ๊ค และเลือกลงมือในช่วงวันสถาปนาของโรงเรียนผู้ตาย เหตุที่เกิดขึ้นนั้นคนที่ลงมือก่อเหตุถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และมีการไตรตรองไว้ก่อน คือนำอาวุธมีดก่อนขี่รถออกมาก่อเหตุจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพราะฉะนั้นเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ ซึ่งเชื่อว่ามีการวางแผนเอาไว้ก่อนที่จะมาก่อเหตุ มีการนัดแนะมาประลองกันก่อน ซึ่งขณะนี้เรารู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่สามารถขออนุมัติหมายจับได้ เนื่องจากยังไม่มีการสอบผู้บาดเจ็บและพยานในที่เกิดเหตุเนื่องจากยังเป็นเยาวชนอยู่ต้องสอบต่อหน้าอัยการหรือนักสังคมสงเคราะห์
หลังจากนั้น พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.ได้เดินทางไปจำลองเหตุการณ์ยังจุดที่เกิดเหตุ เพื่อหาประจักพยานเพิ่มเติม ที่บริเวณบนถนนหนามแดง-บางพลี ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จุดที่เกิดเหตุ จุดแรกเป็นจุดที่ผู้ตายถูกฟันและลงไปนอนเสียชีวิต ที่บริเวณปากซอยหนามแดง-บางพลี 21 (ซอยบุญประชา) ถนนหลังวัดหนามแดง หมู่ 3 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุ ใช้อาวุธ มีดฟันเข้าที่ลำคอของนายรชต พิลาหลวง อายุ 15 ปี ผู้ตาย จุดที่ 2 เป็นจุดที่ผู้ตายตกจากรถ ซึ่งมีคนอยู่ในเหตุการณ์ประมาณ 6 คน และจุดที่3 เป็นจุดที่เพื่อนของผู้ตายอีก 2 คนได้ขับรถนำหน้าไปก่อน 1คัน และพบกับกลุ่มคู่อริที่ดักอยู่กลางถนน หลังจากนั้นทางกลุ่มผู้เสียหายจึงได้พยายามขับรถหลบหนีแต่หลบหนีไม่ทัน เนื่องจากว่ามีรถสวนทางมาเป็นเหตุให้ ประสบอุบัติเหตุและล้มลงที่พื้น คู่อริจึงวิ่งเข้ามารุมทำร้าย และใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่ศีรษะแขนและขา ของผู้เสียหายทั้ง 2 คนจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ ประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนจุดสุดท้ายเป็นจุดที่เป็นฉนวนเหตุคือตอหม้อใต้สะพานทางด่วนกาญจนาบนถนนเส้นเดียวกัน ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มของผู้ตายไปใช้สีไปพ่นสัญลักษณ์ของโรงเรียนที่ผู้ตายเรียนอยู่ ซึ่งเป็นเขตของบางแก้วซึ่งเป็นพื้นที่กลุ่มนักเรียนผู้ก่อเหตุเรียนอยู่ ทำให้นักเรียนเจ้าถิ่นไม่พอใจจึงได้กลับมาใช้สีพ่นทับโลโกโรงเรียนที่ผู้ตายเรียนอยู่และมีการถ่ายรูปขึ้นบนเฟสบุ๊ส คล้ายเป็นการหยาม ทำให้เกิดการท่าทายกันมาจนมาเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งการเดินทางมาจำลองเหตุการณ์ในเวลาใกล้เคียงที่เกิดเหตุจริงทำให้ได้พบพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มอีก 2 คนที่เห็นเหตุการณ์และนำชี้สถานเกิดเหตุในแต่ละจุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าเป็นพยานปากสำคัญ
ทาง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ยังได้พูดคุยสอบถามกับผู้เห็นเหตุการณ์ ในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยมีชาวบ้าน ให้การเบื้องต้นว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนได้ยินเสียงรถชนกัน ก่อนที่จะเหตุกลุ่มวัยรุ่นกำลังทะเลาะกัน เมื่อมองไปที่ถนน ก็พบว่ามีวัยรุ่นนอนอยู่ จำนวน 1 คน และถูกรุมทำร้าย ก่อนที่จะพากันวิ่งหนีหายไป ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น เพราะในเวลานั้นค่อนข้างจะมืดพอสมควรสำหรับคดีดังกล่าว จะต้องแยกเป็น 2 คดี คือคดีแรกคนร้ายฟันคอผู้เสียหาย และคดีที่สอง คือ ดักทำร้าย โดยใช้อาวุธมีดฟันทำร้าย
ซึ่งตอนนี้ตำรวจได้รู้ตัวผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดแล้ว มีไม่ต่ำกว่า 2 คน จึงอยากจะฝากถึงผู้ปกครอง หรือญาติ ที่พาผู้กระทำผิดหลบหนีนั้น ยังไงก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย หนีไม่พ้น ขอให้นำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดมามอบตัวก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุม โดยหลังจากนี้จะต้องเชิญผู้บริหารทั้ง 2 โรงเรียนมาประชุมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งที่เกิดจากตัวบุคคลร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมซ้ำอีกในอนาคต
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: