รวบแล้ว 3 ผู้ต้องปาประทัดยักษ์ใส่ลานจอดรถโรงพยาบาล ผู้ต้องหาให้การอ้างถูกรุมทำร้ายก่อน และที่ไปปาประทัดยักษ์ที่ใส่ลานจอดรถโรงพยาบาลเพียงเพื่อข่มขู่คู่อริเท่านั้น
จากกรณีเมื่อช่วงหัวค่ำของวานนี้ที่ 9 พฤษภาคม 2562 ได้มีเหตุกลุ่มวัยรุ่นจำนวนสี่คนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มาก่อเหตุปาระเบิดปิงปองใส่กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีภายในชุมชนเกาะบางโฉลงและลานจอดรถของโรงพยาบาลเซ็นทรัลปาร์ค ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอยู่ระหว่างขออนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคีด ประกอบด้วย 1นาย ธนัชพล หรือเบียร์ กาฬภักดี อายุ 18 ปี 2.นายอานนท์ แซ่ตั้ง อายุ 18 ปี 3.นายกฤษฎา คำดี อายุ 19 ปี และ 4. นายรัชชานนท์ หรือ กาย พรหมบุตร อายุ 19 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไม่ทันถูกกลุ่มผู้บาดเจ็บทำร่ายจนบาดเจ็บ และเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเซนทรัลปาร์ค ก่อนที่ญาติจะขอย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี เจ้าหน้าที่ได้ทำการขออายัดตัวไว้แล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุอีก 4 คนที่อยู่ในระหว่างการหลบหนี ล่าสุดเมื่อกลางดึกเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุมาได้จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1,นาย ธนัชพล หรือเบียร์ กาฬภักดี อายุ 18 ปี 2.นายอานนท์ แซ่ตั้ง อายุ 18 ปี 3.นายกฤษฎา คำดี อายุ 19 ปี
ข่าวน่าสนใจ:
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ที่ 11 พฤษภาคม 2562 พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางพลี สมุทรปราการ พ.ต.ท.ประมวล ทองภู รอง ผกก.สอบสวน และพ.ต.ท.รักศักดิ์ เมฆจินดา รอง ผกก.สืบสวน ได้ร่วมกันสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาที่ติดตามจับกุมตัวมาได้ เหลือเพียงนายรัชชานนท์ หรือ กาย พรหมบุตร อายุ 19 ปี ที่ยังไม่สามารถนำตัวมาสอบปากคำได้เนื่องยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดตัวเอาไว้แล้ว และนายนัด ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเข้าขออนุมัติหมายจับอยู่
โดยนายกฤษฎา หรือมีน ให้การยอมรับว่า ตนเป็นคนจุดประทัดลูกบอลโยนใส่กลุ่มคู่อริจริง โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวและขมขู่ฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีเรื่องตามที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ตนและนายเบียร์ นายกาย และนายบอล ได้พากันขับขี่รถจักรยานยนต์มาสองคันเพื่อจะไปเอากางเกงที่บ้านพักของน้องสาวซึ่งอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เป็นจังหวะที่ขับรถผ่านบริเวณหน้าบ้านของฝ่ายคู่อริสังเกตเห็นว่าคู่อริตั้งวงดื่มสุรากันอยู่และตะโกนท้าทาย ซึ่งตนและเพื่อนๆก็ไม่ได้จอดรถในครั้งแรกแต่อย่างใด จนกะทั่งขับรถกลับออกมาถึงที่เกิดเหตุพบฝ่ายคู่อริดักรอทำร้ายอยู่จนไม่สามารถขับรถไปต่อได้ นายกาย ซึ่งนั่งซ้อนท้ายมาจึงถูกกระซากลงจากรถและถูกรุมทำร้ายจนต้องวิ่งหนีตายกระโดดลงคลอง ตนและเพื่อนพยายามเข้าไปช่วยนายกาย แต่ถูกไล่ทำร้ายกลับ จึงเอาประทัดลูกบอลที่พกติดตัวมา เนื่องจากไว้ใช้จุดไล่นกเฝ้าบ่อปลา จุดและโยนใส่ฝ่ายคู่อริหวังข่มขู่และเปิดทางหนี้ แต่สู้ไม่ไหวจนต้องทิ้งรถหลบหนี หลังเกิดเหตุ นายเบียร์ ได้ขี่รถไปรับนายเต้ย มาจากบ้านพักและขี่รถวนกันไปดูนายกาย ที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงกลับพบ กลุ่มคู่อริยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลหลายคน นายเต้ย จึงได้จุดประทัดลูกบอลโยนไปที่ลานจอดรถอีกครั้ง ก่อนจะขับหลบพากันหลบหนี ส่วนตนเองหลังก่อเหตุได้รับบาดเจ็บถูกคมมีดที่โหนกแก้มจึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางนา 2 ขณะที่นายบอล ถูกฟันข้อมือจนเส้นเอ็นขาดต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกันจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว
ขณะที่นายเบียร์ หัวหน้าแก๊งให้การอ้างว่ากลุ่มของตนและฝ่ายคู่อริเคยเรียนมัธยมมารุ่นเดียวกันหลังจบออกมาก็แยกย้ายทำงาน จนกะทั่งมาพบกันอีกครั้งเมื่อประมาณ 5-6 วันที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองขับรถเล่นตามทางย่านบางพลี พบกลุ่มของคู่กรณี และมีการมองหน้ากัน ตนจึงขับรถตามไปถามว่ามองหน้าทำไม แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้าม ซึ่งขณะนั้นมากันสามคน ส่วนตนมีคนเดียว จึงเกิดการชกต่อยและถูกฝ่ายตรงข้ามรุมทำร้าย ตนจึงชักมีดที่พกติดตัวมาแทงสวนฝ่ายตรงข้ามไปจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ตนจะหลบหนีไป จนกระทั่งมาเจอหน้ากันอีกครั้งก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าว
พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางพลี ได้ออกมาเปิดเผยว่า สำหรับในคดีนี้เป็นเรื่องของคู่กรณีที่เป็นวัยรุ่นซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งสองฝ่ายก็เรียนหนังสือมาด้วยกันและมีเรื่องกันมาก่อน และมาเจอกันจึงจองจะทำร้ายกันมาตลอด ส่วนเสียงที่ดังคล้ายระเบิดในจุดที่เกิดเหตุทั้งสองจุด จากการเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุทั้งสองจุดโดยร่วมกับทางพิสูจน์หลักฐาน ปรากฏว่าไม่ได้พบวัตถุพยานหรือสารอะไรที่เกี่ยวข้องกับระเบิด และเชื่อว่าเป็นปะทัด ซึ่งก็สอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหาที่ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้ปะทัดยักษ์หรือปะทัดลูกบอลซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตรขว้างใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บ ก่อให้เกิดเสียงดังและเกิดกลุ่มควัน แต่สามารถที่จะทำอันตรายให้กับชีวิตและทรัพย์สินได้ เบื้องต้นเจ้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุทั้งหมดว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และพกพาอาวุธมีด ส่วนคู่กรณีอีกฝ่ายจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาว่าจะแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งแต่อย่างใด ส่วนที่โรงพยาบาลเราได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและ รปภ. ก็ปรากฏว่าไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่อย่างใด และไม่มีคู่กรณีตามไปก่อเหตุความวุ่นวายแต่อย่างใด
สำหรับเรื่องนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเฉพาะ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการณ์ ให้ตำรวจทุกโรงพักกำหนดมาตรการการป้องกันเหตุความวุ่นวายในโรงพยาบาล ซึ่งทาง สภ.บางพลี ก็ได้ดำเนินการออกแผนเผชิญเหตุ สำหรับป้องกันกรณีดังกล่าว และในวันเกิดเหตุในคดีนี้ก็ได้มีการสั่งการให้ทางสารวัตรป้องกันปราบปรามนำกำลังเข้าไปควบคุมดูแลที่โรงพยาบาล ไม่ให้เกิดเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นในโรงพยาบาลแต่อย่างไร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: