ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับตำรวจมาเลเซีย บุกรวบ 5 ชาวไต้หวันหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ช่วย 11 คนไทย ก่อนกลับมาแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ศูนย์ป้องกัน และปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(สายปฎิบัติการ ) พร้อมตำรวจชุดปฎิบัติการ ได้ร่วมกันแถลงผลการ หลังเดินทางกลับจากปฏิบัติการร่วมระหว่างไทย-มาเลเซีย ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์แก๊งอาซื่อ หรือ นาย จู อี้ เต๋อ ชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหัวหน้าแก็งและผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ จ.71/2561 ในข้อหา ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและกรรโชกทรัพย์ โดยสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมในข้อหาดังกล่าวได้อีก 3 คนและสามารถช่วยเหลือชาวไทยที่ถูกหลอกไปกักขังบังคับให้ทำหน้าที่รับโทรศัพท์อีก 11 คน โดยจับกุมได้ภายในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นย่านศรีเปอร์ตาลิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวว่า การเข้าทลายแก๊งดังกล่าวเป็นการขยายผลมาจากการบุกเข้าทลายแก๊งที่ กัมพูชา โดยเป็นการทำงานร่วมกันกับทางการมาเลเซีย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 รายเป็นชาวไต้หวัน 5 รายและชาวไทย 11 ราย ซึ่งตอนนี้อยู่ฝนขั้นตอนการสอบสวนของทางการมาเลเซีย ส่วนเหยื่อชาวไทย 2 รายที่ทางตำรวจเข้าช่วยเหลือเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา คือนายเก ศูนย์กลาง อายุ 39 ปีและนายอรรถกฤษ หล้าเชียงของ อายุ 23 ปี ที่ถูกหลอกว่าจะพาไปทำงานในร้านอาหาร แต่กลับถูกบังคับให้สวมบทเป็นตำรวจยศสารวัตร หากไม่ทำก็ตะถูกเฆี่ยนตี่ด้วยสายยาง ได้เดินทางกลับมาพร้อมกันพร้อมเข้าให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการหาผู้ร่วมขบวนการหลอกคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท กล่าวว่า ในส่วนของการนำตัวผู้ต้องหาที่ทางตำรวจไทยได้ร่วมกับทางการกัมพูชา เข้าทลายแก๊งโดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 37 คนเป็นชาวไต้หวัน 6 คน ชาวไทย 26 คนและกัมพูชา 5 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานนำตัวคนไทยทั้งหมดกลับประเทศ เพื่อมาสอบสวนว่าใครที่ตกเป็นเหยื่อจากการถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และใครที่มีส่วนร่วมกับขบวนการดังกล่าว สำหรับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้เพิ่งย้ายมาเช่าอาคารแห่งนี้เปิดเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ได้ประมาณ 2 เดือน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้าน และยังมีผู้ร่วมกระบวนการอีกคน ซึ่งเป็นชาวไต้หวัน ซึ่งไหวตัวทันและหลบหนีกลับประเทศไปก่อนหน้านี้ สำหรับการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศมาเลเซีย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน เป็นการขยายผลการช่วยเหลือคนไทยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: