คืบหน้า คดีดาบตำรวจปืนโหดยิง ผจก.และนายท่า บริษัทเดินรถดับคาสำนักงาน ผกก.งานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ และพนักงานสอบสวน ได้นำตัวดาบตำรวจ มาสอบปากคำ ดาบตำรวจอ้างผู้ตายไม่ยอมเซ็นสัญญาให้ จึงบันดาลโทสะตนจึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่ผู้ตายทั้ง 2 จนเสียชีวิตดังกล่าว
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ ได้เกิดเหตุดาบตำรวจดำรงฤทธิ์ จิตรไทย อายุ 51 ปี ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประเวศ ใช้อาวุธปืนขนาด 380 ยิงนายวันชัย อรุณสินธารา นายท่ารถ และ นายสิริศักดิ์ เทียนสุวรรณ บุตรชาย นายสมัคร เทียนสุวรรณ อดีต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ผู้จัดการ เสียชีวิตใน บริษัท เทียนทอง ขนส่ง จำกัด ก่อนเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง สมุทรปราการ โดยไม่มีการเปิดเผยปมสังหารโหดในครั้งนี้แต่อย่างใด
ข่าวน่าสนใจ:
- หญิงไทยเสียชีวิตปริศนา แฟนต่างชาตินอนอยู่กับศพ 3 วัน ตำรวจเร่งสอบหาสาเหตุ
- นครพนม เปิดคลิป วัยรุ่น เหิมหนัก ยกพวกใช้มีดไล่ฟันคู่อริ พร้อมทุบทำลายทรัพย์สินอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย
- ผู้กำกับ สภ.บางเสาธง เชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่รถชนกันแล้วมีอ้างรู้จักตำรวจ
- บุรีรัมย์ เตือนวัยรุ่นอย่าทำ ขับรถหวาดเสียว ยกล้อโชว์ จับส่งศาล ศาลพิพากษาสั่งปรับและจำคุก
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 พ.ต.อ.ปรีชา เอี่ยมนุ้ย ผกก.งานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ และพนักงานสอบสวน ได้นำตัว ด.ต.ดำรงฤทธิ์ จิตรไทย อายุ 51 ปี ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประเวศ ผู้ก่อเหตุ ออกมาจากห้องขัง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องศาล โดยมีทนายความร่วมสอบปากคำด้วย โดยที่ ด.ต.ดำรงฤทธิ์ มีแววตาและสีหน้ากังวล แต่ยังพูดคุยกับผู้สื่อข่าวตามปกติ ด.ต.ดำรงฤทธิ์ เล่าให้ว่า บริษัท เทียนทองขนส่งจำกัด ซึ่งมีนาย นายสิริศักดิ์ เทียนสุวรรณ เป็น ผจก. และเป็นเจ้าของสัมปทานรถเมล์เอกชนสาย 1141 วิ่งระหว่าง ปากน้ำ-ราม 2 จนกระทั้ง เมือปีที่แล้ว บริษัท เทียนทอง มีรถไม่เพียงพอ สำหรับวิ่งรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางดังกล่าว จึงได้ชักชวนตน ซึ่งได้เคยร่วมสัมปทาน โดยที่ตนได้นำทีมงานรถสองแถวกว่า 20 คัน ที่ตนมีอยู่เข้ามาร่วมวิ่ง แต่ไม่มีข้อตกลงว่า ตนขอทำสัญญาเป็นผู้ทำธุรกิจร่วมกัน ที่ผ่านมาทางผู้ตายบ่ายเบี่ยงที่จะเซ็นสัญญามาโดยตลอดถึง 3 ครั้ง โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ที่จะไม่เซ็นสัญญา ให้ตนเป็นผู้ร่วมทำธุรกิจ จึงทำให้ตนเป็นเพียงผู้ร่วมวินธรรมดาเท่านั้น
จนมาถึงวันเกิดเหตุ ได้มีการพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งตนก็ ได้เบิกเงินสดจำนวน 2.5 แสน บาทเตรียมไว้ให้ผู้ตายก่อนเข้าไปเจรจา โดยการเจรจาในวันเกิดเหตุนั้นได้คุยเรื่องสัญญา และ เรื่องคนคุมวินรถที่ราม 2 เนื่องจาก ทีมงานของตนไม่ชอบ นายวันชัย ซึ่งเป็นนายท่าของบริษัท ทางทีมงานอยากให้ตนเข้าไปคุมแทนเนื่องจากรู้ใจกันมากกว่า และทีมงานไม่ ต้องการที่จะให้บริษัทเทียนทอง เข้ามาดูแลทั้งหมด แต่ระหว่างการเจรจากันอยู่นาน แต่ก็ ไม่เป็นผล ทางฝ่ายผู้ตาย ยืนยันว่าจะดูแลสัมปทานเพียงผู้เดียว และไม่ยอมเซ็นสัญญาให้ตนร่วมทำธุรกิจด้วย และมีการถกเถียงกัน และมีคำพูดหลุดออกมาจากปากผู้ตายว่า ป๋าสั่งมาแล้วว่ายังไงก็ต้องได้ ซึ่งเป็นคำพูดที่ทำให้ตนเองรับไม่ได้บวกกับการที่ถูกกดดันและถูกเอาเปรียบ คิดไปว่าถึงจ่ายเงินไปก็ไร้ผล เพราะผู้ตายไม่มีทางเซ็นสัญญาให้แน่นอน ด้วยความบันดาลโทสะตนจึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่ผู้ตายทั้ง 2 จนเสียชีวิต ก่อนที่จะขับรถมาเข้ามอบตัว ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตอ้างว่า ด.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ไม่พร้อมที่จะมาบริหารงาน เช่น ประวิงเวลาชำระค่างวดวินรถ ทั้งๆที่เรียกเก็บจากเจ้าของรถมาแล้ว รวมทั้ง เรียกเก็บเงินค่าวินรายเดือนเกินอัตราที่ทางบริษัทกำหนดจาก 2,000 เป็น 4,000 บาท และ เก็บส่วนต่างไว้เอง
พ.ต.อ.ปรีชา เอี่ยมนุ้ย ผกก.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า หลังสอบปากคำเพื่อสรุปสำนวนคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะได้แจ้งข้อหา ฆ่าคนอื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน และข้อหา พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนส่งฟ้องศาลสมุทรปราการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด พนักงานสอบสวน เร่งเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการ ฝากขังผู้ต้องหาผลัดแรก รวมทั้งคัดค้านการประกันตัว เพราะเห็นว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจ สะเทือนขวัญ หลังผู้ต้องหาปฏิเสธการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตามสิทธิ์ รวมทั้ง ให้การภาคเสธ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: