จากกรณีที่มีชาวบ้านบางโปรง พบลูกจระเข้ ภายในคลองบางโปรง ด้านเจ้าหน้าที่เทศบาลบางโปรงและประมงจังหวัดสมุทรปราการ ได้ลงพื้นที่พร้อมยืนยันไม่มีแม่จระเข้
จากกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 1 ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบลูกจระเข้ อยู่ในคลองบางโปรง ติดการการไฟฟ้าพระนครใต้ สมุทรปราการ และจับลูกจระเข้ตัวดังกล่าวมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.บางโปรง ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดสมุทรปราการ มาตรวจสอบพบว่าลูกจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นสายพันธุ์แม่น้ำไนล์ ซึ่งสัตว์ที่นำเข้าในบัญชีไซเตส ไม่พบเห็นในประเทศไทย
ข่าวน่าสนใจ:
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- ชายวัย 50 ปี เปลี่ยนถังแก๊สเอง จุดเตาทำกับข้าวไฟพรึ่บคลอกเจ็บหนัก
- ชมรมโฮปฯ ร่วมกับชุมชน จัดกิจกรรม ซานตาโฮป แจกของขวัญให้กับเด็กในชุมชนกว่าพันชิ้น
- คอกาแฟแห่เที่ยวงานพังงาคอฟฟี่เจอร์นี่ ซีซั่น 3 ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Coffee in the Park ในสวนสมเด็จฯพังงา
ความคืบหน้าในวันนี้ที่ 26 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ นายพงษ์วรรณ ศุโภคา นายก อบต.บางโปรง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยนายพงษ์วรรณ ศุโภคา นายก อบต.บางโปรง ได้กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุเป็นช่วงเย็นได้มีชาวบ้านได้นำลูกจระเข้ตัวดังกล่าวมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.โดยบอกว่าจับลูกจระเข้ได้ที่บริเวณริมคลองบางโปรง ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูระบายน้ำบางโปรง ที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้าพระนครใต้ สมุทรปราการ หลังจากที่รับลูกจระเข้ตัวดังกล่าวมาได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรปราการ ให้มาตรวจสอบพบว่าลูกจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้สายพันธุ์แม่น้ำนาย ซึ่งเป็นสายพันธ์ที่หาดูได้อยากในประเทศไทย และจากการตรวจสอบในบัญชีแล้วไม่พบว่ามีชาวบ้านหรือหน่วยงานไหนมาขออนุญาต เลี้ยงจระเข้สายพันธุ์ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าลูกจระเข้ตัวดังกล่าวน่าจะมีคนไปหาซื้อมาเพื่อเอามาเลี้ยงและอาจสร้างที่กักขังไม่ดีจึงทำให้ลูกจระเข้ตัวดังกล่าวหลุดออกมา หรืออาจไปซื้อมาเลี้ยงแต่อาจถูกทางผู้ใหญ่ห้ามเลี้ยงจึงนำมาแอบปล่อยลงคลองธรรมชาติ ซึ่งตรงนี้ก็ยังระบุไม่ได้ และในส่วนที่มีข่าวลือว่ามีชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงพบลูกจระเข้ในลักษณะใกล้เคียงกันอีก 2 ตัวนั้น จนถึงในขณะนี้ก็ยังไม่มีใครออกมายืนยันแต่อย่างใดคาดว่าน่าจะเป็นเพียงข่าวลือกันเท่านั้น และข้อให้ชาวบ้านอย่าตกใจ เพราะลูกจระเข้ ที่พบในครั้งนี้ไม่มีในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ประเทศและมีราคาแพง อย่างไรก็ตามหากมีชาวบ้านพบเห็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกจระเข้ตัวนี้เพื่อความปลอดภัยอย่างเข้าไปจับเอง ขอให้มาแจ้งทางเจ้าหน้าที่ อบต.บางโปรง ทันที่เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่มีความรู้ในการจับสัตว์ประเภทดังกล่าวเข้าไปจับตัวมาเพื่อตรวจสอบ หรือโทร 02-7566828 อบต.บางโปรง ได้ 24 ชั่วโมง
ขณะที่ นาง อรสา เซ็มมะ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรปราการ ออกมาให้สัมภาษณ์และยืนยันว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พบว่า ลูกจระเข้ที่ชาวบ้านจับได้นั้น เป็นลูกจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ แม่น้ำไนล์ ( Crocodylus niloticus ) อายุไม่เกิน 1 เดือน ขนาดลำตัวความยาว 30 เซนติเมตร น้ำหนัก 100 กรัม และไม่พบบาดแผลใดๆ ตามลำตัว โดยจระเข้สายพันธุ์ดังกล่าวเป็นจระเข้ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติในแม่น้ำไนล์ในประเทศแอฟฟิริกา และคาดว่าน่าจะเป็นจระเข้ที่ได้จากการเพาะพันธุ์ไม่น่าจะเป็นจระเข้ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจมีชาวบ้านบางรายซื้อมาเลี้ยงไว้ดูเล่นแล้วหลุดออกมาสู่ลำคลอง อีกทั้งจุดที่พบเจอจระเข้นั้นรวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงไม่พบว่ามีเกษตรกรหรือผู้ประกอบการจดทะเบียนเพาะเลี้ยงจระเข้แต่อย่างใด ในส่วนของความกังวลของประชาชนที่เกรงว่าอาจจะมีแม่จระเข้อาศัยอยู่ในลำคลองหรือลำรางสายธารณะนั้น ตนเองยืนยันว่าโอกาสที่จะมีอยู่นั้นเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะจระเข้สายพันธุ์ที่พบเจอ อีกทั้งจระเข้สายพันธุ์ต่างๆนั้นหากเป็นช่วงที่วางไข่จนกลายเป็นลูกได้นั้นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 4-5 ปี และมีความยาวไม่ต่ำกว่า 4-5 เมตร อีกทั้งพฤติกรรมนิสัยของจระเข้นั้นเป็นสัตว์เลือดเย็นจึงจำเป็นต้องขึ้นมาตากแดดและไม่สามารถดำรงชีพใต้น้ำได้ตลอด ประกอบกับพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเป็นส่วนมากจึงยากต่อการเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ของจระเข้ทุกสายพันธุ์ โดยทางด้านประมงจังหวัดสมุทรปราการจึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนในพื้นที่อย่าวิตกหรือกังวลว่าจะมีแม่จระเข้หลงอยู่ในพื้นที่แต่อย่างใด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจในคลองที่ชาวบ้านพบลูกจระเข้ และได้รับการเปิดเผยจาก นาง พเยาว์ ปิ่นมีทรัพย์ อายุ 62 ปี และนายแสวง ปิ่นมีทรัพย์ อายุ 63 ปี สองสามีภรรยาซึ่งเป็นคนในพื้นที่ตำบลบางโปรง อ.เมือง สมุทรปราการ ได้เปิดเผยว่า ถ้าตัวใหญ่ ๆ คาดว่าคงไม่มีเพราะถ้ามันมีมันอยู่ไม่ได้หลอกเพราะในป่าคนเข้าไปตัดต้นจากกันทุกวันมันจะไปกกไข่ได้ตรงไหนเพราะจระเข้ต้องกกไข่บนบก ถ้ามันมีตรงคนก็ต้องเจอเพราะเข้าไปตัดต้นจากกันทักวัน และจระเข้ตัวนี้มันน่าจะเพิงออกจากไข่เพียงไม่กี่วัน เพราะตัวมันก็ยาวแค่ฟุตเดียว ก็คิดว่าน่าจะมีคนเอามาปล่อย
ด้าน เด็กชายชัยวุธ เหลี่ยมครุฑ อายุ 15 ปี คนที่พบเห็นลูกจระเข้ตัวดังกล่าวและเป็นคนจับมามอบให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ อบต.บางโปรง กล่าวว่า ในวันที่พบลูกจระเข้ ตนได้ออกมางมปลาจับหอยอยู่ในคลองบางโปรง ทางด้านนอกประตูระบายน้ำออกเจ้าพระยา ในระหว่างที่ตนกำลังงมหาปลาอยู่นั้นได้พบเห็นเจ้าลูกจระเข้ตัวดังกล่าวมียืนอ้าปากตากแดดอยู่บนฝั่ง จึงจึงได้เอาก้อนหินขวางใส่ แต่มันก็ไม่ไปไหน ตนจึงได้ถอดเสื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำและปีนขึ้นมาบนฝั่งและเสื้อโยนเข้าไปปิดทับตัวลูกจระเข้ตัวดังกล่าวก่อนที่จะใช้มือจับลูกจระเข้ตัวดังกล่าวใส่กระป๋องเอาไว้และออกไปงมหอยจับปลาต่อ และนำลูกจระเข้ตัวดังกล่าวกลับไปที่บ้านด้วยกะว่าจะเอาไปเลี้ยง แต่ก็ถูกยายห้ามเอาไว้ ตนจึงได้นำลูกจระเข้ตัวดังกล่าวมาให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่ อบต.บาง โปรง ที่ตนกล้าจับเพราะลูกจระเข้ตัวดังกล่าวยังเล็กอยู่ แต่ถ้าตัวใหญ่ตนคงว่ายน้ำหนีไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประมงนำลูกจระเข้ไปอนุบาลที่ศูนย์น้ำจืดเตรียมส่งต่อให้ประมงเขต 9 ชัยนาทเอาไปเลี้ยง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: