ฟาร์มจระเข้ได้ออกมาโต้หลังจากสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ภาพหมีตะกายบ่อ ชี้เป็นพฤติกรรมรอกินอาหารจากนักท่องเที่ยว ส่วนโครงสร้างของบ่อ สร้างให้เกิดความสมดุลใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
จากกรณีที่มีสื่อต่างประเทศ นำภาพจากนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาพ น่าเวทนาขณะหมีควาย กำลังตะเกียจตะกายออกจากบ่อซึ่งเป็นสถานที่เลี้ยง ภายในส่วนสัตว์และฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ เพื่อที่จะต้องการอิสระ พร้อมกับเรียกร้องให้บริษัทนำเที่ยวที่ในประเทศจีน ประกาศขึ้นบัญชีดำ ถอดสวนสัตว์-ฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการของไทยออกจากโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งหมด จนกลายเป็นประแสวิพากวิจารกันอย่างหนัก
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 14 สิงหาคม 2562 นายอุทน ยังประภากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ภาพที่เผยแพร่ออกไปนั้น ตนอยากขอให้ใช้วิจารณญาณในการดู ภาพที่เห็นนั้นเป็นพฤติกรรมปกติของหมี ที่จะมาขออาหารจากนักท่องเที่ยว และไม่มีการนำ หมี ไปเลี้ยงรวมกับ จระเข้ ในบ่อเดียวกัน เนื่องจากสัตว์ทั้ง 2 ประเภทเป็นนักล่า ส่วนภาพที่ออกไปนั้น ก็เป็นภาพมุมแคบเจาะไปแค่ตัวหมีกับ กำแพงโดยไม่ถ่ายทั้งบ่อว่ามีส่วนไหนบ้าง บ่อนี้เราสร้างไว้เลี่ยงหมีมานานกว่า 30 ปีไม่เคยเกิดปัญหา โดยทั่วไปของสวนสัตวจะต้องสร้างผนังบ่อให้ เรียบ สูงชัน เป็นกำแพงกั้น ระหว่างคนและสัตว์ เพื่อความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้หมีปีนขึ้นมาจากบ่อได้ ซึ่งตรงนี้ เป็นมาตรฐานสากล แต่ข่าวออกมาแบบนี้ตนก็ไม่เข้าไจวัตถุประสงค์ว่าผู้โพสต์ต้องการอะไร หรือเพียงต้องการทำร้ายการท้องเที่ยวของประเทศไทย
นายอุเทน เจ้าของฟาร์มจระเข้ ฯ ได้พาสื่อมวลชนเข้าไปดูบริเวณ บ่อเลี้ยงหมีภายในสวนสัตว์ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว พร้อม นำกล้วยมาให้หมีที่เลี้ยงไว้กิน เพื่อแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมที่เห็นในภาพนั้นไม่ใช่ภาพที่หมี พยามยามตะเกียจตะกายออกจากบ่อแต่อย่างใด แต่เป็นพฤติกรรมตามปกติ ของหมี ที่คุ้นชินกับคน เมื่อเห็นนักท่องเที่ยว หรือ คนเลี้ยง ก็จะเข้ามาขออาหารกิน ส่วนโครงสร้างของบ่อ เราสร้างให้เกิดความสมดุลใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด คือ มีแสงแดด มีต้นไม้ปกคลุม มีบ่อน้ำเพื่อให้หมีลงเล่นน้ำ คลายความร้อน และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็เข้าตรวจสอบมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ของฟาร์มฯ ไปแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามข้อกำหนด จึงไม่ทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัด ของการเผยแพร่ข่าวสารในลักษณะเชิงลบนี้ออกไป จึงอยากเรียกร้องให้ นักท่องเที่ยว รวมทั้ง ผู้เสพสื่อสังคมออนไลน์ อย่าแสดงความคิดเห็นแบบคล้อยตาม ก่อนพิจารณาวิเคราะห์ ทั้ง ภาพ ข้อมูล บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
