จากกรณีเนอสเซอรี่รับฝากเลี้ยงน้องนาวาแล้วเสียชีวิต ล่าสุดศาลจังหวัดสมุทรปราการได้พิพากษาเจ้าของเนอสเซอรี่และพี่เลี้ยงจำคุก 3 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 16 สิงหาคม 2562 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 19 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งศาลได้มีการนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ฮ.6016/2561 อัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นางกมลวรรณ จีนจะโปะ อายุ 50 ปี เจ้าของเนอสเซอรี่ซึ่งตั้งอยู่ ภายในหมู่บ้านสวัสดิ์ดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จำเลยที่ 1 ข้อหาดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ส่วน นางอัมพร ดาวเรรัมย์ อายุ 28 ปี จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพี่เลี้ยง ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ข่าวน่าสนใจ:
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- ทนายเกรียง พา สาวนักแข่งรถจักรยานยนต์ทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีกับนายกสมาคม ข้อหาหมิ่นประมาท และ พรบ.คอม
- ตรัง สถาบันพระบรมราชชนกเตรียมผลิต 9 หมอรุ่นใหม่ นวัตกรรมสุขภาพไทยสู่ระดับโลก
- ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา>ชาวพุทธ+ทพ.48 ร่วมทอดผ้าป่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 จัดตั้งและคำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงโดยไม่ได้รับ ใบอนุญาต และจำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายเด็กชายจตุภัทร วรศาสตร์ จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองแล้วเห็นว่า เนื่องจากผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวช ผู้ตายได้เสียชีวิตจากสาเหตุ กระดูกซี่โครงซี่ที่ 2 ถึงที่ 4 ด้านข้าง หักเป็นเหตุ ให้ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวและถึงแก่ความตาย ทั้งนี้จำเลยที่ 1 ซึ่งประกอบกิจการรับเลี้ยงเด็กมี จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างผู้เลี้ยงดูเด็ก จำเลยที่ 1 จึงต้องดูแลจำเลยที่ 2 ให้เลี้ยงผู้ตายเป็นอย่างดี ตามที่ตนประกอบกิจการ เมื่อจำเลยที่ 1 อยู่ในบริเวณที่จำเลยที่ 2 เลี้ยงดูผู้ตายดังกล่าว เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ต้องรู้เห็นถึงการกระทำของจำเลยที่ 2 ต่อผู้ตาย ซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องหามปรามจำเลยที่ 2 มิให้กระทำดังกล่าว เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ห้ามปรามกลับให้จำเลยที่ 2 กระทำต่อผู้ตายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวถือว่ามีเจตนาร่วมการทำความผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสอง จึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามฟ้อง ส่วนความผิดฐานจัดตั้งหรือคำเนินกิการสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้รับใบอนุญาตสำหรับจำเลยที่1นั้นเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานจัดตั้งหรือดำเนินกิจารสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำเลยที่จึงไม่มีความผิดฐานดังกล่าว และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมเป็นปลงศพผู้ตายละค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดการศพเป็นเงิน 1 แสนบาท ค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์รวมเป็นเงิน 720,000 บาท รวม เป็นเงิน 820,000 บาท พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ3 ปีให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้คำสินไหมทดแทนเป็นเงิน 820,000 บาท พร้อมคอกเบี้ยอัตราร้อยละ35 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับตะวันที่ 25 เมษายน 2561 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากวันที่ 30 เม.ย.61 น.ส.วราลี เสริมจันทร์ อายุ 35 ปี มารดาของ ด.ช.จตุภัทร วรศาสตร์ อายุ 11 เดือน หรือน้องนาวา ได้เข้า ร้องขอความเป็นธรรมกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ช่วยให้ช่วยเร่งรัดคดี กรณีลูกชายวัย 11 เดือนเสียชีวิตปริศนาหลังจากได้พาน้องนาวา ไปฝากเลี้ยงที่เนอสเซอรี่ ครูอ้อ ภายในหมู่บ้านสวัสดี เลขที่ 986 / 116 หมู่ 4 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ได้เพียง 6 วัน ก่อนลูกชายจะเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 13.25 น. วันที่ 25 เม.ย. ขณะที่ด้านพี่เลี้ยงอ้างว่า น้องนาวา ขาดอากาศหายใจจากผ้าอ้อมปิดหน้า แต่เมื่อผลชันสูตรออกมากลับพบว่า กระดูกซี่โครงหักถึง 3 ซี่ อวัยวะภายในปอดและตับ ม้ามคั่งเลือด เซลล์สมองมีลักษณะเสื่อมและตายบางตัว ซึ่งได้คัดแย้ง กับคำให้การขอจำเลยทั้งสองคน ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นถึงแก่ความตาย
บรรยากาศบริเวณหน้าศาล น.ส.วราลี เสริมจันทร์ แม่ข้องน้องนาวา ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการตั้งแต่ช่วงเช้า โดยได้นำรูปน้องนาวาติดตัวมาด้วย ซึ่ง น.ส.วราลี แม่ของน้องนาว กล่าว่า ตนต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้ลูกชายมาเป็นเวลากว่า 1 ปี 3 เดือน วันนี้ศาลตัดสินให้ทางครูอ้อ และครูพี่เลี้ยงจำคุก 3 ปี ถึงแม้จะแลกกับชีวิตของลูกชายที่เสียไปไม่ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมว่าคนผิดต้องได้รับโทษ ซึ่งหากวิญญาณน้องรับรู้ ตนอยากบอกว่าแม่ได้ทวงความยุติธรรมให้ลูกแล้ว ส่วนผู้ต้องหาเองหลังจากเกิดเหตุแม่กระทั้งวันที่ศาลนัดสืบพยานก็ไม่เคยติดต่อเข้ามาคุยกับตนเลยซึ่งเค้าเองก็ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด และทราบว่า ทั้งสองได้นำหลักทรัพย์มาขอยืนประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งนั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ตนเองก็จะต่อสู้จนคดีจะถึงที่สุดเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด็ก 10 เดือนตายปริศนาคาเนอสเซอรี่ ขณะที่เหยื่อเนอสเซอรี่โผล่ร้องอีกรายลูกวัย 4 เดือนถูกทำร้าย
เผาน้องนาวาเหยื่อเนอสเซอรี่เถื่อน แม่ลำไห้ลูบหัวอำลาลูกชายครั้งสุดท้าย ยันไม่อโหสิ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: