จากกรณีที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กข้อความและภาพ แจ้งเบาะแสชายต้องสงสัยเดินเข้าไปในโรงเรียน และชวนเด็กนักเรียนหญิงเข้าไปซอกตึก ล่าสุดพบตัวแล้ว เจ้าตัวอ้างไม่มีเจตนาทำไม่ดี เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบสวน ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย และผู้ต้องสงสัยยังไม่ได้ก่อเหตุ มีเพียงจับแขนเด็กเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ของเด็กว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรแต่ก็ต้องรอสอบปากคำเด็กผู้เสียหายต่อหน้าสหะวิชาชีพเสียก่อน ว่าจะเข้าข่ายความผิดทางอาญาหรือไม่ เบื้องต้นทำได้แค่เพียงถ่ายรูปทำประวัติและประกาศเป็นบุคคลเฝ้าระวัง ก่อนปล่อยตัว
จากกรณีที่มีเฟซบุ๊กที่ชื่อ Surasak Sanorsan ได้ขึ้นข้อความและภาพ ว่าใครรู้จักบุคคลตามภาพ หรือเคยเห็น ช่วยแจ้งเบาะแสผมทีนะครับ พฤติกรรมคือจะเข้าไปในโรงเรียนตอนโรงเรียนเลิก …แล้วเรียกเด็กที่กำลังเล่นกันที่กำลังรอผู้ปกครองมารับ…โดยเรียกเฉพาะเด็กผู้หญิง..จะทำทีเป็นหาลูกตัวเองไม่เจอ…ให้เด็กช่วยหาลูกตัวเองว่าอยู่ไหน..พอเด็กคนไหนหลงเชื่อก็จะเดินตามช่วยหา และจะทำที่คุยนี่นั่นกับเด็กแล้วจะให้เด็กกินน้ำแป๊บซี่ที่มันถือมา…ซึ่งมันคงใส่ยาอะไรลงไปในแป๊บซี่เป็นแน่…ถ้าเด็กหลงกินเข้าไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ ซึ่งรายละเอียด ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวผมคือ …ช่วงเวลานั้นลูกสาวผมเล่นซ่อนแอบอยู่บริเวณที่มันยืนอยู่พอดี..เลยเดินเข้าไปหาลูกสาวผมแล้วมันให้ลูกสาวช่วยเดินตามหาลูกสาวมันตามที่กล่าวอ้าง…พอลูกสาวผมช่วยเดินตามหาจนถึงข้างสหกรณ์ของโรงเรียนซึ่งเป็นซอกแคบ ๆ และมีโต๊ะนั่ง..จากนั้นมันนั่งลงและดึงแขนลูกสาวผมไปใกล้ ๆ มันแล้วถามชื่อถ่มที่อยู่ถามอะไรสารพัด..สุดท้ายมันบังคับให้ลูกสาวผมกินน้ำแป๊บซี่ที่มันถือมา แต่ลูกสาวตนไม่กินและสะบัดแขนหลุดแล้ววิ่งออกมาได้ ซึ่งจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียน เส้นทางของผู้ชายคนนี้ในการเข้าออกโรงเรียน ไม่มีผู้ปกครองคนไหนใช้ในการมารับลูก เตือนภัยกันนะครับ ถึงว่าลูกสาวผมโชคดีไปวันนี้ เด็กคนอื่นอาจจะไม่โชคดีแบบนี้
ข่าวน่าสนใจ:
- สูงวัยตรัง ปลื้ม เตรียมตัวรับเงินหมื่น ฝันใช้ยามแก่-ต่อยอดอาชีพบั้นปลาย
- ผกร.ป่วนไม่เลิก!วางบึ้ม 5 (แตก 4, กู้ 1) ทางไปสนามบิน
- ตรัง ผลผ่าพิสูจน์การตายพะยูน 2 ตัว ผอม หญ้าในท้องน้อย ป่วยตาย
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนคลองเก้า ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเหตุได้พบกับนายมนตรี แผ้วฉ่ำ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 16.48 น.ของวานนี้ที่ 23 กันยายน
แม่ของ เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) วัย 10 ขวบ ได้เล่าว่า โดยชายคนดังกล่าวเข้ามาเดินวนไปมาอยู่ภายในโรงเรียนและเดินถามเฉพาะเด็กผู้หญิงว่ารู้จักคนชื่อแอ่นหรือเปล่า พอลูกตนบอกว่าไม่รู้จัก ชายคนดังกล่าวก็มาถามชื่อ และอยู่ที่ไหนใครมารับ ซึ่งก่อนหน้านี้ชายคนดังกล่าวก็ได้ถามเด็กนักเรียนหญิงวัยเดียวกับลูกสาวตนไป 2 คนแล้วโดยเขาก็ขวักมือเรียกแต่ทางพี่สาวไม่ให้ไป เขาก็เลยเดินทางเจอลูกสาวตนที่กำลังเล่นซ่อนแอบอยู่กับเพื่อนเขาก็เดินเข้าไปนั่งอยู่ด้านหลังซอก และก็เรียกลูกสาวตนไป ลูกสาวตนก็คิดว่าจะถามอะไร พอเดินเข้าไปชายคนดังกล่าวก็จับแขนและพยายามดึงแขนลูกสาวตนเข้าไปใกล้ ๆ และก็บอกให้ลูกสาวตนกินน้ำแป๊บซี่ที่เขาถือมา แต่ลูกสาวตนไม่กินและสะบัดจนหลุดก่อนวิ่งออกมา ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่มันยังไม่เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวตน
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันนี้ที่ 24 กันยายน 2562 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากแม่ของ เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี ว่าพบเห็นชายคนดังกล่าวเดินออกมาจากทางออก อพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งห่างจากโรงเรียนที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตรเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปคุมตัวชายคนดังกล่าวเอาไว้ได้ ก่อนเชิญตัวมาสอบถามที่โรงพัก โดยชายคนดังกล่าวได้ให้การว่า ตนเองพึ่งเดินทางมาจากจังหวัดอำนาจเจริญ มาทำงานเป็น รปภ.ของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งและถูกส่งให้มาประจำอยู่ที่สำนักงานแห่งหนึ่งในปั้มน้ำมัน ปตท.สาขาสามแยกคลองเก้าใกล้โรงเรียนดังกล่าว โดยตนเองเขาทำงานในกะกลางคืน โดยที่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ตนได้เดินเล่นอยู่ภายในวัดคลองเก้า แต่เห็นคนเดินเข้าออกทางประตูทางเข้าโรงเรียนตนจึงได้เดินตามเข้าไป ก็เห็นเด็กนักเรียนหญิงวิ่งเล่นอยู่หายคน จึงได้เข้าไปถามว่ารู้จักเด็กที่ชื่อแอ่น หรือเปล่า แต่เด็กหลายคนไม่รู้จักคนจึงเดินทางพบเด็กหญิงเอ ที่กำลังเล่นกันเพื่อนอยู่ จึงได้ขวักมือเรียกเด็กหญิงคนดังกล่าวเข้าไปคุยในซอกตึกด้านหลังอาคารเรียน แต่เห็นเด็กหญิงเอ มีทีท่ากล้า ๆ กลัว ตนจึงได้ใช้มือมาจับแขนของเด็กเอาไว้ และพยายามตีสนิทโดยได้เอาน้ำแป๊บซี่ที่ตนถือมายื่นให้เด็กกิน แต่เด็กไม่กินและสะบัดมือวิ่งหนี้ออกมา ตนขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำอย่างอื่นกับเด็กหญิงคนดังกล่าว
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในปัดสวะแต่ไม่พบ และชายคนดังกล่าวก็ยังไม่มีกระทำความผิดอะไร มีเพียงจับแขนเด็กเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ของเด็กว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรแต่ก็ต้องรอสอบปากคำเด็กผู้เสียหายต่อหน้าสหะวิชาชีพเสียก่อน ว่าจะเข้าข่ายความผิดทางอาญาหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นทำได้แค่เพียงถ่ายรูปทำประวัติและประกาศเป็นบุคคลเฝ้าระวังเท่านั้น ก่อนที่จะปล่อยตัวกลับไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: