เชียงใหม่ – เศร้า! เสียชีวิตโควิด-19 ถึง 5 ราย ยอดป่วยใหม่ยังทรง สั่งยกระดับ ส่ง 30 ทีมปูพรมเคาะประตูบ้านตรวจเอทีเค-ฉีดวัคซีน คาดโทษนายจ้างหากไม่พาแรงงานฉีดวัคซีน
วันที่ 16 พฤศจิกายน สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ยังวิกฤตต่อเนื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้น 339 ราย และที่น่าตกใจคือตัวเลขผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นถึง 5 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมพุ่งไปที่ 96 ราย
ผู้เสียชีวิตส่วนมากเป็นผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี ส่วนผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคประจำตัว และทุกรายไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิดมาก่อน หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้จะทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ติดเชื้อกลุ่มสีแดงที่มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นจนจำนวนเตียงไม่สามารถรองรับได้ ดังนั้น จึงต้องให้กลุ่มเสี่ยงสูง ทั้งผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด
สำหรับผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด 6 ราย รวมแรงงานลักลอบเข้ามาจากเมียนมา 1 ราย ส่วนที่เหลืออีก 333 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด โดยมาจากคลัสเตอร์ใหม่ ได้แก่ คลัสเตอร์ไซต์งานก่อสร้างธนาคาร ธกส. อำเภอสารภี 7 ราย, คลัสเตอร์กลุ่มทำนา หมู่ 7 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง 5 ราย, คลัสเตอร์บ้านเช่าป้านี ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย 5 ราย ส่วนคลัสเตอร์ที่ยังมีการระบาดต่อเนื่อง เช่น คลัสเตอร์สถานรับเลี้ยงเด็ก หมู่ 9 ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง, คลัสเตอร์บ้านห้วยจะค่าน หมู่ 9 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว 3 ราย นอกนั้นเป็นคลัสเตอร์เล็ก ๆ ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1-2 ราย
ข่าวน่าสนใจ:
ล่าสุด จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มมาตรการค้นหาผู้ป่วยอีกระดับ หวังพบเร็วรักษาเร็ว ลดจำนวนผู้ป่วยรุนแรง ส่งทีมตรวจเชิงรุกเดินหน้าเคาะประตูบ้านตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างน้อยครัวเรือนละ 1 ราย เป้าหมายทั้งกลุ่มคนไทยและแรงงานต่างด้าวในเขต อ.เมืองเชียงใหม่ และ อ.สันทราย เน้นชุมชนที่พบการแพร่ระบาดและชุมชนที่มีความเสี่ยง เริ่ม 17 พฤศจิกายน 64 นี้ คาดใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เรดโซน 15 ชุมชน ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว
ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สสจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หรือ เรดโซน ระหว่างวันที่ 12-14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้ตรวจหาเชื้อด้วยเอทีเค (ชุดตรวจอย่างง่าย) ไป 1,753 ราย พบผู้มีผลบวก 69 ราย และได้ฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ที่มีผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ แต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 96 ราย ซึ่งถือว่าน้อยมาก
จังหวัดเชียงใหม่จึงได้ปรับวิธีการทำงาน โดยเพิ่มทีมตรวจเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อ ทั้งอำเภอเมือง จำนวน 30 ทีม และทีมฉีดวัคซีน 4 ทีม พร้อมกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนและครอบคลุมทุกโซน ทั้งในและนอกเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ รวมถึงปรับวิธีการตรวจหาเชื้อเป็นในลักษณะการเคลื่อนที่ หรือ เคาะประตูบ้าน ซึ่งจะตรวจเอทีเคที่หน้าบ้านอย่างน้อยครัวเรือนละ 1 ราย
พร้อมกันนี้ จะได้บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน และกำกับติดตามการดำเนินงานทุกวัน โดยกำหนดเป้าหมายทั้งในกลุ่มคนไทยและแรงงานต่างด้าว มีระยะเวลาดำเนินงาน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้
สำหรับการฉีดวัคซีน ได้เสนอมาตรการให้ พ่อค้า-แม่ค้าในตลาดทุกแห่ง จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือตรวจเอทีเคทุกสัปดาห์ ส่วนแรงงานต่างด้าวให้นายจ้างพาไปฉีดวัคซีน หากไม่ดำเนินการ ผู้ประกอบการจะถูกคาดโทษและต้องรับผิดชอบ หากมีแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19
ทั้้งนี้ ในช่วงนี้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เรดโซน ถือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อกลับมาดำเนินชีวิตและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่ถ้าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ และยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่านี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จำเป็นจะต้องพิจารณาปิดตลาดอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: