หลังมีการถอนแจ้งความคดีทารุณกรรมสัตว์กับนายเปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอบริษัทอิตาเลียนไทย ที่ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ล่าสุด อธิบดีกรมปศุสัตว์ ชี้แจงว่า สัตว์ป่ามีกฏหมายเฉพาะ ที่ลงโทษผู้ล่าหนักกว่าหลายเท่า
กรณีการถอนแจ้งความนายเปรมชัย กับพวก ในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เพราะยังไม่มีประกาศกำหนดชนิดสัตว์ใดๆ ล่าสุด นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เหลือเพียงการนิยามสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ ตามประกาศกำหนดมาตรา 3 วรรคสุดท้าย เนื่องจากมีข้อโต้แย้งในรายละเอียดของคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ก.เกษตรและสหกรณ์
โดยกรมปศุสัตว์จะเร่งประชุมคณะกรรมการให้ได้ข้อสรุปนิยามให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 มีนาคมนี้ และถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้กำหนดนิยามให้สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ เป็นสัตว์ตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ แต่สัตว์ป่าที่อยู่ตามธรรมชาติก็อยู่ภายใต้กฏหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งเป็นกฏหมายเฉพาะ หากล่าหรือทำร้าย จะมีโทษหนักกว่ามาก และสัตว์ป่าที่ถูกนำมาเลี้ยง ก็จะอยู่ภายใต้กฏหมายว่าด้วยการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ด้วย
ส่วนความคืบหน้าคดี ที่ขณะนี้คืบหน้าไปแค่ 70% ทำให้นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว วิจารณ์ถึงการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ว่า คดีของนายเปรมัชย มีหนังเสือดำถลกไว้เรียบร้อย ทาเกลือ , มีต้มหางเสือในหม้อ , มีปืนและเสียงปืนจากแคมป์ที่พักที่ไม่ได้อนุญาต รวมทั้งยังมีเสียงต่อรองในคลิป แต่คดีกลับไม่คืบหน้า นายศศิน ยังระบุว่า อาจมีบางฝ่ายที่พยายามหาทางช่วยเหลือนายเปรมชัย
