นักศึกษาสาวที่เปิดโปงขบวนการทุจริตเงินสงเคราะห์คนยากจนที่จังหวัดขอนแก่น เผยเจอภัยมืด เสี่ยงอันตราย แต่ภูมิใจที่ทำให้เกิดการตรวจสอบขบวนการโกงเงินคนจน
น.ส.ปณิดา ยศปัญญา อายุ 23 ปี นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ให้สัมภาษณ์ไลฟ์สดกับเว็บไซต์ 77 ข่าวเด็ด เปิดเผยว่า หลังจากออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ก็พบว่า มีรถยนต์ต้องสงสัย หรือรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาขับวนเวียนแถวหน้าบ้าน หรือจอดรถถ่ายรูปบ้านของตนเองเสมอ จนทำให้รู้สึกหวาดกลัว แม้ขณะนี้จะไม่ถึงขั้นมีคนโทรศัพท์มาข่มขู่ แต่ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหญิงจากหมวดน้ำหวาน มทบ.23 มาคอยดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม. โดยหมวดน้ำหวาน มีประสบการณ์ทั้งด้านการอารักขา และการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญมาแล้วหลายคน นอกจากนี้ ยังส่งเจ้าหน้าที่ติดตามอีก 1 คน เพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ทำให้ น.ส.ปณิดา รู้สึกปลอดภัยขึ้น เช่นเดียวกับ น.ส.ณัฐกานต์ หมื่นพล อายุ 26 ปี อดีตลูกจ้างศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ก็มีกำลังทหารมาคุ้มครองดูแลความปลอดภัยเช่นกัน
น.ส.ปณิดา ยังให้ข้อมูลด้วยว่า ไม่เพียงแค่เธอกับ น.ส.ณัฐกานต์เท่านั้น ที่ถูกบังคับให้ปลอมแปลงเอกสาร ทุจริตเงินช่วยเหลือ แต่ยังมีนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง รวมทั้งพระสงฆ์และเณร ซึ่งมาฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ก่อนหน้าเธอ ก็ถูกบังคับให้ร่วมปลอมแปลงเอกสารด้วย
โดยใช้วิธีนำกระจกใสมารองกระดาษที่มีลายเซ็นตัวจริง แล้วนำกระดาษเปล่าวางทับ แสงที่ส่องมาจากกระจก จะทำให้มองเห็นลายเซ็นด้านล่าง จากนั้นก็ใช้ปากกาวาดตามลายเซ็นดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธี คือ ใช้โต๊ะกระจก แล้วหาลังหรือกล่องมาสอดไว้ใต้โต๊ะ จากนั้นก็เปิดโคมไฟส่อง ก่อนจะนำกระดาษที่มีลายเซ็นมาวางบนกระจก แล้วเอากระดาษเปล่าวางทับอีกที ก็จะมองเห็นลายเซ็นเช่นกัน ซึ่งวิธีเหล่านี้ ถือเป็นวิธีการปลอมลายเซ็นที่แนบเนียนมาก
น.ส.ปณิดา บอกว่า ที่บ้านของ ผอ.ศูนย์ฯมีโต๊ะกระจกแบบนี้ 1 ตัว ซึ่งผู้ที่ใช้ปลอมลายเซ็น เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง แต่หลังจากเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวประสบอุบัติเหตุแขนหัก ก็เริ่มมีการเกณฑ์ลูกจ้างหรือนักศึกษาฝึกมางานช่วยปลอมแปลง อย่างเช่น น.ส.ณัฐกานต์ ที่เคยเป็นลูกจ้างศูนย์และถูกบังคับให้ปลอมแปลงเอกสาร เมื่อรู้ความจริงและไม่ยินยอมร่วมมือ ก็ถูกกลั่นแกล้งและถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
ขณะที่พระหรือเณรที่เคยมาฝึกงาน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์ ขอสำเนาบัตรประชาชนไปโดยไม่แจ้งว่านำไปทำอะไร มารู้ความจริงทีหลัง ก็ต่อเมื่อเห็นเอกสารใบสำเนารับเงินทุนผู้ประกอบอาชีพ จำนวน 3,000 บาท ที่มีชื่อของตัวเอง แต่ไม่ได้รับเงินใดๆ
น.ส.ปณิดา บอกว่า ได้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับตำรวจและเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)แล้ว และพยานทุกคนก็ได้รับการคุ้มครองแล้ว เธอบอกว่า แม้การเปิดโปงขบวนการทุจริตครั้งนี้ อาจทำให้เธอเสี่ยงไม่ได้รับความปลอดภัย แต่เธอก็ดีใจที่เธอเป็นประชาชนตัวเล็กๆ แต่สามารถจุดกระแสทำให้เกิดการตรวจสอบขบวนการทุจริตโกงเงินประเทศและคนยากจนได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: