พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ไม่ล่าช้า พร้อมชี้แจงกรณีไม่แจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ วอนผู้วิพากษ์วิจารณ์ศึกษาข้อกฏหมายก่อน
กรณีที่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนคดีนายเปรมชัย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่าไม่ขัดข้อง เพราะมั่นใจว่าที่ผ่านมา พยายามเร่งรัดติดตามคดีอย่างเร็วที่สุดแล้ว และดำเนินการตามกฏหมาย ยืนยันว่าคดีไม่ได้ล่าช้าอย่างที่ถูกวิจารณ์ โดยขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าเนื้อสัตว์ที่พบเป็นของสัตว์ชนิดใด เนื่องจากผ่านไปกว่า 3 สัปดาห์ก็ยังไม่ได้รับสรุปรายงาน แต่ยืนยันว่าตำรวจกับกรมอุทยานฯไม่ได้มีปัญหาเรื่องการประสานงาน และขณะนี้คดีคืบหน้ากว่าร้อยละ 90
ทั้งนี้ มีการดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวก รวม 9 ข้อหา ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างแจ้งเพิ่มเติม ทั้งข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืนและติดสินบนเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องได้ภายใน 24 มีนาคมนี้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังชี้แจงถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กรณีตำรวจไม่แจ้งขอ้หาทารุณกรรมสัตว์กับนายเปรมชัย โดยยืนยันว่า ไม่เข้าข่ายและไม่มีข้อหาทารุณกรรมสัตว์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าสัตว์ป่ากับนายเปรมชัยและพวกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงขอให้กลุ่มผู้วิพากษ์วิจารณ์ ศึกษาข้อกฏหมายให้ชัดเจน
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง(ผบก.พฐก.) เปิดเผยถึงผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืน 3 กระบอกที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าปืนทั้งหมดเป็นของนายเปรมชัยจริง ส่วนลูกกระสุนปืนที่ฆ่าเสือดำ เป็นกระสุนลูกปลายที่สามารถบรรจุในปืนลูกซองขนาดเบอร์ 20 ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับ 1 ใน 3 กระบอกที่ตรวจยึดได้
จากการตรวจสอบยังพบว่าเป็นการยิงนัดเดียว ระยะใกล้ประมาณ 10 เมตร แต่กระสุนลูกปลายกระจายเป็น 8 รู และเจอหัวกระสุนลูกปลายที่ซากเสือดำ 3 เม็ด ส่วนการจำลองวิถีกระสุนที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯเข้าไปจำลองในที่เกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 ร่วมด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่สามารถระบุวิถีกระสุนได้ จึงใช้ประกอบสำนวนไม่ได้
